สสส. นำร่องรพ. ทั่วประเทศปลอดบุหรี่ 100%

หลังพบเยาวชนกว่า 5 แสนรายติดบุหรี่งอมแงม

 

 

 

 

ณ ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง

มีหญิงชายนั่งรอรถเมล์อยู่ ซึ่งเค้าทั้งสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

ผู้หญิง  : เรารู้จักกันด้วยหรอคะ

ผู้ชาย  : ….?..!..

ผู้หญิง : แล้วคุณ….มาทำร้ายฉันทำไม!

(การสูบบุหรี่ในที่สาธารณะเหมือนกับเป็นการทำร้ายคนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเราด้วย)

       

 

        จากข้อมูลสำรวจทั่วโลกพบว่า เยาวชนที่ติดบุหรี่ส่วนใหญ่จะเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่ก่อนอายุ 18 ปี สูงถึง 1 ใน 4 ของเด็กเหล่านี้ หากเริ่มลองสูบบุหรี่ก่อนอายุ 10 ปี ยิ่งอายุที่ลองสูบยิ่งน้อย โอกาสที่จะติดบุหรี่จะยิ่งมากและยิ่งเลิกสูบยาก ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กๆ ติดบุหรี่มักเกิดจาก 1.การสูบบุหรี่ของพ่อแม่และเพื่อน 2.การยอมรับการสูบบุหรี่ของสังคม และ 3.การตลาดของบริษัทบุหรี่

        สำหรับประเทศไทย จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ.2547 พบว่า มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 24 ปี ที่สูบบุหรี่ที่ทั้งแบบสูบประจำและแบบครั้งคราวรวม 1,705,526 คน

 

โดย….เยาวชนที่มีอายุ 11 14 ปี สูบบุหรี่ 7,176 คน

เยาวชนที่มีอายุ 15 19 ปี สูบบุหรี่ 451,526 คน

เยาวชนที่มีอายุ 20 24 ปี สูบบุหรี่เป็นประจำ 1,246,785 คน

เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 19 ปี ติดบุหรี่แล้วกว่า 458,740 คน

 

        ตามสถิติประมาณหนึ่งในสามของเยาวชนหากจะยังคงสูบบุหรี่ต่อไป โดยไม่เลิก ก็มีโอกาสเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ได้ 

 

        ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่จึงได้จัดโครงการโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ 100% สานต่อจากปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้จัดเวทีแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ระหว่างผู้ดำเนินโครงการโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ 100% ที่ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานในโครงการให้เจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 104 แห่ง และให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทั้งหมดได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์และระดมความคิดเพื่อขยายผลโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ทั่วประเทศ 

 

 สสส. นำร่องรพ. ทั่วประเทศปลอดบุหรี่ 100%       ด้าน ผศ.กรองจิต วาทีสาธกกิจ ผู้รับผิดชอบโครงการโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ เล่าว่า ในการจัดเวทีแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ระหว่างผู้ดำเนินโครงการโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ 100% กับ ตัวแทนโรงพยาบาลกว่า 104 แห่งที่เข้าร่วม โดยมีโรงพยาบาลแกนนำดีเด่นจาก 4 ภูมิภาค ประกอบด้วย โรงพยาบาลรามัน จังหวัดยะลา ,โรงพยาบาลเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ,โรงพยาบาลมะขาม จังหวัดจันทบุรี และโรงพยาบาลปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน มาเป็นวิทยากรเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ รวมทั้งร่วมกันระดมความคิดเพื่อพัฒนาการดำเนินโครงการร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการดำเนินงานรวมกว่า 100 แห่ง ด้วยกัน

 

         จากผลการวิจัยของ ร.ศ.บุปผา ศิริรัศมี แห่งมหาวิทยาลัยมหิดล สัมภาษณ์ผู้สูบบุหรี่ 1,551 คน จากทั่วประเทศไทย พบว่า ร้อยละ 85.2 ต้องการให้โรงพยาบาลทุกโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ ร้อยละ 14.5 ต้องการให้จัดสรรพื้นที่ในการสูบบุหรี่ให้เป็นสัดส่วน ส่วนร้อยละ 0.4 เท่านั้นที่ต้องการให้สูบบุหรี่ได้ทุกพื้นที่ในโรงพยาบาล และยังพบอีกว่า ร้อยละ 76 ของผู้สูบบุหรี่เคยพยายามที่จะเลิกสูบแต่ไม่สามรถเลิกได้ ผศ.กรองจิตเล่า

สสส. นำร่องรพ. ทั่วประเทศปลอดบุหรี่ 100% 

        ฝ่าย ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เล่าว่า หากโรงพยาบาลทุกแห่งเป็นโรงพยาบาลปลอดบุหรี่อย่างแท้จริง โรงพยาบาลจะเปรียบเสมือนเป็นแกนนำการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากโรงพยาบาลมีกระจายอยู่ทั่วประเทศทำให้สามารถเข้าถึงประชาชนได้ง่ายและจะทำให้การรณรงค์ไม่สูบบุหรี่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

 

         ปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 104 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งได้มีการจัดทำคลินิกเลิกบุหรี่ที่ได้มาตรฐานและถูกกฎเกณฑ์ขึ้นภายในโรงพยาบาล เพื่อให้การบริการแก่ประชาชนที่เข้ามารับบริการและญาติของผู้รับบริการ พร้อมกับเชิญชวนให้มาร่วมกันเลิกบุหรี่ เพราะบุหรี่ทำให้เกิดโรคร้ายที่ตามมาอย่างมากมายและส่งผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย

 

        ด้าน นางพวงประภา เพ็ชรมี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรามัน จ.ยะลา เล่าว่า ทางคลินิกเลิกบุหรี่มีหลักการดำเนินงานการส่งเสริมการเลิกบุหรี่ โดยใช้หลักการทำงาน a1 – a5 ประกอบด้วย การสอบถาม แนะนำให้เลิกบุหรี่ ประเมินสารนิโคตินในร่างกายผู้ป่วย ช่วยให้เลิกบุหรี่โดยใช้ยาช่วย และติดตามประเมินผล ทาง รพ.ใช้หลักการนี้กับผู้ป่วยที่เข้ารับบริการการเลิกบุหรี่ไปตามลำดับขั้นตอนด้วย

 

        นายแพทย์ประสิทธิ วิริยะกิจไพบูลย์ แพทย์ประจำโรงพยาบาลเกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เล่าว่า

ทาง รพ. มีการประชาสัมพันธ์การรณรงค์ว่าทาง รพ.เข้าร่วมโครงการโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ 100% และประชาสัมพันธ์นโยบายห้ามผู้ที่เข้ามารับบริการภายในโรงพยาบาลสูบบุหรี่และดื่มเหล้าไปตามเสียงตามสายของโรงพยาบาลทุกวัน และผ่านทางวิทยุชุมชนใกล้เคียงด้วย พร้อมทั้งประชุมหัวหน้าในส่วนราชการในอำเภอเกษตรวิสัยทุกเดือนด้วย

 

        ส่วนแพทย์หญิงสุจินตนา นวพันธ์ แพทย์ประจำโรงพยาบาลมะขาม จ.จันทบุรี เล่าว่า มีการจัดสิ่งแวดล้อมภายในโรงพยาบาลให้โรงพยาบาลเป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งหมดตามกฎหมาย และบุคลากรภายใน รพ.ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี โดยไม่สูบบุหรี่และร่วมสร้างค่านิยมใหม่ที่ไม่สูบบุหรี่ด้วย

 

        นายฤทธิเดช ดำรงค์ชีพ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลปาย จ.แม่ฮ่องสอน เล่าว่า มีการติดป้ายไฟว่ารพ.นี้เป็นโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ 100% บริเวณทางเข้าหน้า รพ.และภายในบริเวณของ รพ. ทั้งยังติดป้ายรณรงค์ห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร พร้อมทั้งทำแบบสอบถามและประเมินความสนใจของบุคลากรที่สูบบุหรี่และต้องการที่จะเลิกบุหรี่ด้วย

 

         โรงพยาบาลปลอดบุหรี่ 100% ถือเป็นจุดประกายการเริ่มต้นของการเลิกบุหรี่ และต้องการช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ให้เลิกได้อย่างเด็ดขาดด้วย อีกทั้งโครงการนี้ยังเป็นเครื่องหมายแสดงไม่ให้นักสูบหน้าใหม่คิดที่จะลองสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ไม่ได้สร้างผลดีให้กับร่างกาย มีแต่จ้องที่จะทำร้ายให้ร่างกายแย่ลงทุกวัน…

 

เราทุกคนต่างไม่เคยเห็น

โลกที่ไม่มี…ควันบุหรี่

ว่า…หน้าตาเป็นอย่างไร

แต่เราจินตนาการได้ว่า…

โลกจะน่าอยู่เพียงไร..!!!

 

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : รัศมี ศรคำ   team content   www.thaihealth.or.th

 

 

 

update 21-01-52

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code