สสส.ชวนสักการะ ‘พระพุทธชยันตีองค์ดำ’
อัศจรรย์ “อาทิตย์ทรงกลด” นาน 15 นาที ตลอดการอัญเชิญ “พระพุทธชยันตีองค์ดำนาลันทา” ประดิษฐานยังท้องสนามหลวง เนื่องในปีพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เตรียมเปิดให้พุทธศาสนิกชนสักการะวันที่ 25 พ.ค.-4 มิ.ย.
เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 24 พ.ค. ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เสถียรธรรมสถาน ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำพิธีอัญเชิญ พระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา มาประดิษฐานยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา เนื่องในโอกาสปีพุทธชยันตี ครบ 2600ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และเนื่องในวันวิสาขบูชา วันที่ 4 มิ.ย. โดยในระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่กำลังยกพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่มีหน้าตักกว้าง 69 นิ้ว สร้างจากหินแกรนิต ลงจากรถบรรทุก เพื่อประกอบพิธีและทำพิธีชุมนุมเทวดา โดยมีพระพระครูสังฆรักษ์ ( ปารมีสุรยุทโธ) หรือพระอาจาร์ปารมีเจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาแก้ว เป็นประธานในการประกอบพิธีนั้น ก็ได้เกิดเหตุการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดขึ้น สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับผู้เข้าร่วมพิธี จนต้องวิ่งออกจากเต็นท์มาดูให้เห็นกับตา โดยได้เกิดพระอาทิตย์ทรงกลดอยู่ตลอดการประกอบพิธีนานถึง 15 นาที
ขณะพระอาทิตย์ทรงกลด
ทั้งนี้ แม่ชีศันสนีย์เสถียรสุต แห่งเสถียรธรรมสถาน กล่าวว่า พระพุทธรูปดังกล่าวจัดสร้างขึ้นโดยจำลองมาจากพระพุทธรูปองค์ดำ จากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี และมีความศักดิ์สิทธิ์มาก โดยใช้หินแกรนิตแบบเดียวที่ใช้สร้างพระพุทธรูปองค์ดำ ซึ่งในระหว่างประกอบพิธีอัญเชิญพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา ลงจากรถบรรทุก ก็ได้เกิดพระอาทิตย์ทรงกลดขึ้น ซึ่งแสดให้เห็นถึงพุทธานุภาพของพระพุทธรูปองค์ดำ ที่แผ่มายังพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา ด้วย
แม่ชีศันสนีย์กล่าวต่อไปว่า จะนำพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา ประดิษฐานที่สนามหลวงตั้งแต่วันที่ 25พ.ค.-4 มิ.ย. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ เนื่องในปีพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และเนื่องในวันวิสาขบูชา ขณะเดียวกันในวันที่ 4มิ.ย. ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา จะมีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้าม 26 ศตวรรษ ในเวลา 23.00น. ที่ท้องสนามหลวงโดยจะมีการสวดสรรเสริญพุทธคุณจากพระสงฆ์ 2,600 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย จากนั้นในวันที่ 5 มิ.ย.จะอัญเชิญพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา ไปประดิษฐานเป็นการถาวรที่เสถียรธรรมสถานต่อไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
