สสส. จับมือ “กลุ่มเซ็นทรัล” สร้างสังคมไทยปลอดบุหรี่

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข


สสส. จับมือ “กลุ่มเซ็นทรัล” สร้างสังคมไทยปลอดบุหรี่ thaihealth


สสส. จับมือ “กลุ่มเซ็นทรัล” เปิดตัว “สมาพันธ์เครือข่ายเซ็นทรัลเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่” มุ่งสู่องค์กรปลอดบุหรี่ 0% ภายใน 5 ปี รายแรกของประเทศไทย สสส. ชี้ แนวโน้มคนไทยสูบบุหรี่ลดลงต่อเนื่อง เหลือสิงห์อมควัน 19.1% รุกขยายพื้นที่บริการเลิกบุหรี่ ช่วยสิงห์อมควันเลิกสูบมากขึ้น


เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ในการแถลงข่าวเปิดตัว “สมาพันธ์เครือข่ายเซ็นทรัลเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่” ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนรายแรกของประเทศไทย ที่ประกาศเจตนารมณ์เป็นองค์กร “ปลอดบุหรี่ 0% ภายใน 5 ปี” เนื่องในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลก พร้อมเข้าร่วมโครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน (Quit for King) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยความร่วมมือของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรวงสาธารณสุข ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย คลินิกฟ้าใส และภาคีเครือข่ายทั่วประเทศร่วมผลักดันให้ตัวเลขผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยลดลง


โดยนางสุพัตรา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักนโยบายองค์กรประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขชี้ว่าในปี 2560 ประเทศไทยมีจำนวนประชากรเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่มากกว่า 50,000 รายต่อปี ยังไม่รวมผู้เสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง กลุ่มเซ็นทรัลฯ จึงได้ร่วมกับ สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ และสสส. เปิดตัวโครงการ “สมาพันธ์เครือข่ายเซ็นทรัลเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่” เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรในองค์กรลดการสูบบุหรี่ และเลิกบุหรี่อย่างถาวร หันมาใส่ใจสุขภาพด้วยการหากิจกรรมอื่นทดแทน อาทิ กิจกรรมจากสโมสรกีฬาเซ็นทรัล ซึ่งผลที่ตามมาคือ บุคคลากรในองค์กรมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีสุขภาพจิตที่เข้มแข็ง ลดอัตราการเจ็บป่วยที่เป็นผลจากการสูบบุหรี่ เช่น โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมอง โรคถุงลมโป่งพอง


“ปัจจุบัน กลุ่มเซ็นทรัลฯ มีพนักงานที่สูบบุหรี่รวมทั้งสิ้น 5,756 คน  วิธีจะรณรงค์ให้พนักงานเลิกบุหรี่ “เราไม่ห้าม…แต่เราห่วง” และมีการให้กำลังใจแก่กัน โดยมีการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของบุหรี่ ตรวจและให้ยาบำบัดจาก คลินิกฟ้าใส การให้รางวัลจูงใจกับคนที่ลด ละ เลิกการสูบบุหรี่ รวมทั้งใช้ “กลุ่มคนเซ็นทรัลพันธุ์ฮีโร่” คือพนักงานที่เลิกบุหรี่ได้แล้วมาเป็นบุคคลตัวอย่างในการเชิญชวนและเป็นผู้ช่วยในการขับเคลื่อนพลังมวลชนให้สังคมเห็นความสำคัญในการเลิกสูบบุหรี่ ที่กลุ่มเซ็นทรัลฯ ได้ถือปฏิบัติเป็นนโยบายอย่างต่อเนื่องเสมอมา” นางสุพัตรา กล่าว


สสส. จับมือ “กลุ่มเซ็นทรัล” สร้างสังคมไทยปลอดบุหรี่ thaihealth


ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า สถานการณ์การสูบบุหรี่ของคนไทย จากผลสำรวจล่าสุด ปี 2560 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า แนวโน้มการสูบบุหรี่คนไทยลดลงเล็กน้อยอย่างต่อเนื่อง โดยคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ ร้อยละ 19.1 หรือ 10.7 ล้านคน ลดลงจาก 2 ปีก่อนคือปี 2558 อยู่ที่ ร้อยละ 19.9 โดยเป็นผู้สูบประจำ ร้อยละ 16.8 หรือ 9.4 ล้านคน ทั้งนี้ เพศชายสูบบุหรี่ลดลงมากกว่าเพศหญิง โดยเพศชายลดเหลือ ร้อยละ 37.7 จากเดิม ร้อยละ 39.3 เพศหญิงลดลงเหลือ ร้อยละ 1.7 จากเดิม ร้อยละ 1.8 ขณะที่อายุที่เริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรกเพิ่มขึ้นเป็น 18 ปี จากเดิม 17.8 ปี  ผลสำรวจสะท้อนถึงแนวทางการทำงานควบคุมยาสูบจากหลายภาคส่วน รวมทั้ง สสส. ได้เดินมาถูกทาง โดย สสส. จะเร่งดำเนินการโครงการที่เกี่ยวข้องกับการชักชวนให้เลิกสูบบุหรี่ โดยเฉพาะโครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน ให้เข้มข้นขึ้น ส่งเสริมการคัดกรองผู้สูบบุหรี่ ผู้ติดบุหรี่ให้เข้าสู่การบำบัด รณรงค์ให้ความรู้ เท่าทันอันตรายบุหรี่ พร้อมทั้งทำงานคู่ขนานกับภาคนโยบาย รวมถึงการเสริมประสิทธิภาพของ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ให้สามารถปฏิบัติและบังคับใช้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ การจำกัดอายุผู้ซื้อ การห้ามโฆษณาทุกรูปแบบ ฯลฯ ทั้งหมดนี้จะช่วยปกป้องสุขภาพคนไทยจากบุหรี่ได้มากขึ้น


ศ.นพ. รณชัย คงสกล นายกแพทยสมาคมและเลขาธิการสมาพันธ์ฯ กล่าวว่า ปัจจุบัน สมาพันธ์ฯ มีสมาชิกแนวร่วมการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ที่เป็นลักษณะรูปแบบองค์กรจำนวน 846 องค์กร โดยมีคลินิกฟ้าใส ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ 1600  และร้านยาเลิกบุหรี่ เป็นผู้ช่วยคนสำคัญในการให้คำปรึกษา บำบัด และช่วยให้ผู้ติดบุหรี่สามารถเลิกสูบได้ โดยการประกาศเป็นองค์กรปลอดบุหรี่ของกลุ่มเซ็นทรัลฯ ซึ่งมีบุคลากรสูบบุหรี่ 5,756 คน สมาพันธ์ฯ จะเข้ามามีบทบาทช่วยเหลือ โดยมีแผนระยะ 5 ปี เพื่อให้บุคลากรสามารถเลิกบุหรี่ได้ตามเป้าหมาย ที่วางไว้ในการเป็นสถานประกอบการปลอดบุหรี่ 0% ภายใน 5 ปี


รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา เลขาธิการเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ กล่าวว่า คลินิกฟ้าใส ให้บริการบำบัดผู้ติดบุหรี่ให้สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 429 แห่งทั่วประเทศ โดยพร้อมให้ความร่วมมือกับสมาพันธ์ฯ และกลุ่มเซ็นทรัลฯ อย่างเต็มที่ โดยในเบื้องต้นพนักงานอาจจะลองเลิกด้วยตนเองได้โดยโทรขอคำแนะนำและขั้นตอนการเลิกบุหรี่จาก 1600 ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ โทรฟรีทุกเครือข่าย ขั้นต่อไป หากยังไม่สามารถเลิกได้ ก็สามารถเข้ารับบริการจากคลินิกฟ้าใส หรือรับยาจากร้านยาเลิกบุหรี่ใกล้บ้านได้ฟรี ซึ่งขั้นตอนการเลิกบุหรี่นั้น มีทั้งการให้คำแนะนำ ปรึกษา และใช้ยาบำบัด ที่สำคัญคือ จิตใจ หากมีความตั้งใจจะสามารถเลิกบุหรี่ได้อย่างแน่นอน


สสส. จับมือ “กลุ่มเซ็นทรัล” สร้างสังคมไทยปลอดบุหรี่ thaihealth


นายธามัน เต้พันธ์ อดีตสมาชิกวงดราก้อน ไฟว์ กล่าวว่า การจะห้ามวัยรุ่น ไม่ให้สูบบุหรี่ในยุคนี้ ซึ่งมีความคิดเป็นของตัวเองและชอบทดลองสิ่งใหม่ถือเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่สังคมควรทำคือการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ขณะที่ผู้ใหญ่จะต้องเข้าหาเยาวชนเพื่อทำความเข้าใจและไม่ตีตรา เพื่อดึงเยาวชนเหล่านี้กลับมา โดยปัจจุบันจากประสบการณ์คนใกล้ตัว ที่พยายามเลิกบุหรี่ โดยหันไปพึ่งบุหรี่ไฟฟ้า เพราะคิดว่าจะเลิกบุหรี่ได้ แต่พบว่า เพื่อน 28 คนจาก 30 คน กลับติดทั้งบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งน่ากลัว การตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าบอกว่าปลอดภัย ทั้งที่หน่วยงานทางการแพทย์เตือนแล้วว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายโดยเฉพาะกลิ่น มีการเติมสาร อาจมีการใส่แอมเฟตามีนลงไป เพื่อให้เกิดความรู้สึกหวือหวาในการสูบมากยิ่งขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องให้ข้อมูลคนเหล่านี้ เพื่อให้เลิกบุหรี่ได้อย่างถูกต้องและไม่เพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเอง


ด้านนายอริญชย์ งามพีระพงศ์ อายุ 28 ปี ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์องค์กร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า ตนเคยเป็นหนึ่งในคนติดบุหรี่มาก่อน เริ่มสูบตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 จากการคลุกคลีอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเพื่อนๆ สูบ ทำให้เริ่มสูบจนติด และเริ่มมีอาการเหนื่อยหอบผิดปกติขณะเล่นกีฬา จนท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเลิกมาประมาณ 1 ปีแล้ว และในวันนี้ก็กลายมาเป็นหนึ่งในฮีโร่ขององค์กรที่สามารถลดละเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ โดยส่วนตัวมองว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้ครอบครัวและคนรอบตัวเกิดความภาคภูมิใจ และการที่องค์กรประกาศเจตนารมณ์ดังกล่าว ยังเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรให้ดีขึ้น และที่สำคัญคือการมีสุขภาพที่ดีของพนักงาน เพราะตอนที่ตนเลิกบุหรี่มาได้ไม่ถึงเดือน ก็รู้สึกได้เลยว่าร่างกายดีขึ้นจริงๆ

Shares:
QR Code :
QR Code