สสส.จับมือไทยพีบีเอส ดันพลังสื่อปฏิรูปประเทศไทย
เพิ่มรายการเด็ก-ครอบครัวถึง 15%
นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการสสส. กล่าวว่า “ประเทศไทยเผชิญวิกฤติรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ที่ทำสังคมแตกร้าว และปัญหาทางสังคมและจริยธรรมในวงการต่างๆ การจะพ้นภาวะนี้ได้ ต้องปฏิรูประบบ โดย “พลังของสื่อ” คือหนึ่งในกลไกสำคัญ ที่จะกระตุ้นให้สังคมตื่นตัว รับรู้ มีส่วนร่วม รวมถึงสร้างจิตสำนึก คุณธรรม ให้เด็ก เยาวชน ในฐานะที่เป็นทรัพยากรอันมีค่าต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ
ซึ่ง ส.ส.ท. และ สสส. เป็นองค์กรที่มีเป้าหมาย ที่จะสร้างสังคมคุณภาพและมีคุณธรรม ที่ต่างมีภาคีเครือข่ายภาคสังคมสนับสนุน ดังนั้น เชื่อมั่นว่าการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “ส่งเสริมสื่อเพื่อปฏิรูปประเทศไทย” ของ 2 องค์กร บนหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน และใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จะสามารถปฏิรูปประเทศไทยได้”
นพ.สุภกร กล่าวอีกว่า ความร่วมมือจะเน้นใน 3 ด้าน คือ 1.การสื่อสารเพื่อสร้างจิตสำนึก คุณธรรม การมีส่วนร่วมในสังคม 2.ส่งเสริมสื่อสร้างสรรค์ พัฒนาคุณภาพเด็ก เยาวชน และครอบครัว ส่งเสริมองค์ความรู้และสร้างศักยภาพของนักสื่อสารเพื่อปฏิรูปประเทศ
โดยก้าวแรกคือในต้นปี 2552 ส.ส.ท. และ สสส. จะร่วมกันสนับสนุนให้มีรายการสำหรับเด็ก เยาวชน ครอบครัว ตลอดทั้งวันเสาร์-อาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์ ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ เพื่อทำให้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับทั้งครอบครัวและร่วมจัดทำงานวิจัย จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเครือข่ายต่างๆ
โดยคาดว่า ภายใน 1 ปี โทรทัศน์สาธารณะแห่งนี้ เป็นสื่อที่เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมปฏิรูปประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนทั่วไปมากกว่า 70% และสามารถทำให้ประชาชนไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิรูปประเทศไทย”
ด้าน นายเทพชัย หย่อง ผู้อำนวยการ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) กล่าวว่า ส.ส.ท. และ สสส. เป็นองค์กรทางสังคมที่มีพันธกิจหลักร่วมกัน คือสร้างสังคมที่มีคุณภาพและคุณธรรม นอกจากนี้องค์การยังมีเป้าหมายสำคัญคือเป็นเครื่องมือแห่งการเรียนรู้ เสริมสร้างสติปัญญาให้ประชาชนให้เป็นพลเมืองคุณภาพ
โดยเบื้องต้นจะเพิ่มสัดส่วนรายการเด็ก-ครอบครัวเป็น 15% ในปี 2552 โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน การได้ร่วมมือกับสสส.ครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ จะมีเครือข่ายซึ่งมีอุดมการณ์ในแนวทางเดียวกันมาทำงานด้วยกัน
“ ส.ส.ท. ตั้งเป้าหมายว่า จะใช้ศักยภาพของสื่อที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์สูงสุด ไม่เพียงให้ข้อมูลข่าวสารและความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังต้องทำหน้าที่ให้ความรู้และสาระประโยชน์ นอกจากรายการเพื่อเด็กเยาวชนและครอบครัวแล้ว ส.ส.ท.จะมีส่วนร่วมในการผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เริ่มจากทีวีไทย ต่อไปก็คือวิทยุและสื่อออนไลน์ที่กำลังอยู่ระหว่างเตรียมการ ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในสังคม”
สำหรับแผนงานระยะต่อไป องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จะร่วมกันแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการและโครงการต่างๆ โดยมีระบบติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่จะส่งเสริมสื่อเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยต่อไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
update 25-12-51