สสส.กรุงเก่าห่วงใยสุขภาพประชาชนเตือนโรคหอบ-หืดน่ากลัว
นพ.รัตนชัย จุลเนตร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 พ.ค. เป็นวันหืดโลก (world asthma day) ในขณะที่บ้านเมืองก้าวไปสู่ความเจริญก้าวหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรกรรมมาเป็นสังคมอุตสาหกรรม กลไกการผลิตในภาคอุตสาหกรรมนั้นอาจจะส่งผลทำให้ประชาชนมีโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้ได้สูง ซึ่งในบางรายนั้นอาจเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นกลายเป็นโรคหอบหืดได้ โรคหอบหืดเป็นโรคที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะในเขตเมืองอุตสาห กรรม ซึ่งโรคดังกล่าวเกิดจากหลอดลมของผู้ป่วยมีความไวกว่าปกติต่อการรับการตอบสนองสารที่บุคคลนั้นแพ้ หรือเป็นสารที่เป็นพิษที่เราหายใจเข้าไป โดยโรคหอบหืดมีสาเหตุสำคัญอีกคือ ไรฝุ่น เกสรหญ้า เชื้อรา แมลงสาบ ซึ่งหากเด็กได้รับสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้เป็นระยะเวลานานแล้วนั้น ก็จะทำให้เมื่อเด็กเจริญเติบโตขึ้นจะมีโอกาสเป็นโรคหอบหืดได้ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงจากตัวกระตุ้นเหล่านี้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการของโรคหอบหืดเพื่อลดโอกาสเป็นโรคหอบหืดในอนาคต
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวต่อว่า จากการที่ผู้ป่วยมีการอักเสบของหลอดลม กล้ามเนื้อบุหลอดลมมีการหดเกร็งเมื่อถูกกระตุ้นด้วยสารที่แต่ละบุคคลแพ้หรือสารพิษต่อหลอดลมทำให้มีการตีบของหลอดลมทั่วไปในปอด ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก โดยเฉพาะเวลากลางคืนและเช้ามืด หายใจมีเสียงหืด อาการดังกล่าวนั้นเป็นอาการของโรคหอบหืดและจะรุนแรงหรือไม่ก็แล้วแต่ว่าหลอดลมตีบตันมากหรือน้อย ซึ่งในบางรายแม้จะไม่ได้รับการรักษาแต่การรักษาที่ถูกวิธีก็จะช่วยทำให้อาการดังกล่าวดีเร็วขึ้น ซึ่งผู้ป่วยเองจำเป็นต้องรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงโดยการบริโภคอาหารที่เหมาะสมและมีประโยชน์กับร่างกาย หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยเฉพาะยาแอสไพรินและยาแก้ปวดข้อต่าง ๆ ซึ่งยา ดังกล่าวอาจทำให้หืดกำเริบอย่างรุนแรงได้ และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ตนเองแพ้ หลีกเลี่ยงมลพิษในย่านนิคมอุตสาหกรรม ฝึกการหายใจที่ถูกวิธีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการหายใจพร้อมทั้งออกกำลังกายที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ด้วยเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอาการหอบหืดจะเกิดขึ้นเมื่อใดเพราะในแต่ละครั้งอาการดังกล่าวจะเป็นมากหรือน้อยแค่ไหน ผู้ป่วยต้องศึกษาให้เข้าใจเพื่อเป็นแนวทางในการดูแลตัวเอง เพราะโรคหอบหืดนั้นอาจส่งผลให้เกิดการกระทบกระเทือนถึงสุขภาพร่างกายและการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงการทำงานของผู้ป่วยได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์
update 02-05-51