สวยจากภายในสุขภาพแข็งแรงอย่างถูกวิธี

ที่มา : หนังสือสวยจากภายใน ไม่ต้องพึ่งหมอ โดยศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


สวยจากภายในสุขภาพแข็งแรงอย่างถูกวิธี thaihealth


แฟ้มภาพ


มาดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ปราศจากโรคภัย ผิวพรรณสดใสกันตามนี้


1.ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่


เน้นผัก ผลไม้ เนื้อปลา เมล็ดธัญพืช ข้าวกล้อง ซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ และควรจําากัดปริมาณอาหารที่มีรสหวานจัด ไขมัน และคอเลสเตอรอลสูง


2.เสริมเติมด้วยอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants)


อนุมูลอิสระเป็นวายร้ายในร่างกาย ซึ่งทําาลายภูมิคุ้มกันและเซลล์ต่างๆ ทําให้เกิดการเสื่อมถอยของร่างกาย ซึ่งจะแสดงออกมาในรูปแบบของริ้วรอย ความชรา และโรคความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ที่ร้ายที่สุดคือ เป็นตัวก่อโรคภัยและเนื้อร้ายหรือเซลล์มะเร็งได้นั่นเอง


อนุมูลอิสระเกิดจากอะไร


อนุมูลอิสระเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ พฤติกรรมการทานอาหาร เช่น การทานอาหารมัน ปิ้ง ทอด ย่าง การใช้น้ำมันทอดซ้ำ ความเครียด การทํางานหรือออกกําลังกายหักโหม การบาดเจ็บทางกายหรือจากมลภาวะต่างๆ เช่น รังสี UV แสงแดด การสูบบุหรี่ ก็จะเป็นตัวเร่งให้มีการผลิตอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น แต่โดยปกติเมื่อเกิดการสร้างอนุมูลอิสระ ร่างกายจะสามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระจะอยู่ในอาหารที่เราทานเข้าไป โดยเฉพาะอาหารพวกผักผลไม้หลากสี อาหารก่อทั้งคุณและโทษ แต่หากเราเลือกทานอาหารอย่างถูกวิธี เช่น การทานผัก ผลไม้ ธัญพืช ซึ่งเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคภัย สุขภาพแข็งแรง แถมมาด้วยความอ่อนเยาว์ ผิวพรรณสดใสได้


อาหารที่เป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ


สารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนใหญ่จะอยู่ในผักผลไม้ ซึ่งผักผลไม้มีคุณประโยชน์ด้านเป็นอาหาร กากใย ซึ่งช่วยการขับถ่าย ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการเจ็บป่วย ตลอดจนมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งด้วย


3.ออกกําลังกายเป็นประจํา


เราควรออกกําลังกายอย่างสม่ำสมอ เพราะการออกกําลังกาย นอกจากจะทําาให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังเป็นวิธีนําออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกายได้ดีที่สุด ยิ่งร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้นเพียงใด ก็จะยิ่งช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้มากขึ้นเท่านั้น การออกกําลังกายจึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ดี ส่งผลให้ผิวพรรณสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเริ่มแรกควรออกกําาลังกายเท่าที่ทําได้ ไม่เหนื่อยจนเกินไป แล้วค่อยเพิ่มเวลาให้ได้นานอย่างน้อย 20-30 นาที แต่ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมง และความถี่ในการออกกําลังกายควรเป็น 3-5 วันต่อสัปดาห์


***เมื่อเริ่มต้นควรออกกําลังกายให้ได้วันเว้นวัน หรือ 2-3 วันต่อสัปดาห์ก่อน เพื่อให้ร่างกายปรับตัว และฟื้นจากความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อที่ยังไม่เคยชิน


4.พักผ่อนให้เพียงพอ


การพักผ่อนน้อยเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทําให้โรคภัยเข้ามากลํากรายและผิวพรรณไม่สดใส เป็นสิ่งจําเป็นพอๆ กับการทานอาหารที่มีประโยชน์ เราควรนอนหลับให้สนิทวันละ 7-8 ชั่วโมง และควรเข้านอนช่วง 3-5 ทุ่ม เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ระบบภูมิต้านทานโรคจะทํางานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และสะสมพลังงานสํารองไว้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอตลอดคืน หากนอนเลยเวลาไป ถึงนอนครบ 8 ชั่วโมง ตื่นมาก็จะไม่รู้สึกสดชื่นเท่า และช่วงเวลาตี 1-ตี 3 เป็นช่วงเวลาของตับขจัดสารพิษตกค้าง ถ้าช่วงเวลานี้ได้หลับ ตับจะหลั่งสารเมลาโทนินเพื่อฆ่าเชื้อโรค ทําให้หน้าอ่อนเยาว์ สดใสไร้สิว และยังหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินด้วย หากตับไม่ได้พักผ่อนเวลานี้จะมีสารพิษตกค้างในร่างกาย และเราควรนอนในที่ซึ่งมีอากาศถ่ายเทพร้อมสิ่งแวดล้อมที่ดี


5.หมั่นเติมความสดชื่นให้ร่างกาย


เราควรดื่มน้ำเปล่าที่สะอาดอย่างน้อยให้ได้วันละ 1.5-2 ลิตร เพราะร่างกายเราประกอบด้วยน้ำถึง 70% และในแต่ละวันร่างกายจะเสียน้ำวันละ 2 ลิตร จากการหายใจ การขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ เป็นต้น เพราะระบบภายในร่างกายเราต้องใช้น้ำช่วยทําหน้าที่ เช่น ระบบหมุนเวียนเลือดหรือระบบย่อยอาหาร อีกทั้งหากร่างกายเราขาดน้ำ จะส่งผลให้เลือดมีความข้นหนืด หัวใจสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ ผิวพรรณแห้งหยาบกร้าน และเกิดริ้วรอย เป็นต้น


6.ทําจิตใจให้แจ่มใส


ความเครียดถือเป็นมลพิษอย่างหนึ่งต่อร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม หลายคนพบปัญหาเครียดแล้วนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท ซึ่งก็จะส่งผลทําให้สุขภาพร่างกายทรุดโทรม จึงควรหาทางปล่อยวางความเครียดและคลายเครียด เช่น การพยายามคิดในแง่บวก การหาวิธีสร้างอารมณ์ขัน การฝึกหายใจลึกๆ การอาบน้ำอุ่น ออกกําลังกาย ทําสมาธิ ฟังเพลง เป็นต้น


7.หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ ปีละ 1-2 ครั้ง


เพื่อป้องกันภัยเงียบที่มองไม่เห็น อาทิ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง เป็นต้น การเจอโรคภัยเหล่านี้ เสียแต่เนิ่นๆ จะง่ายต่อการรักษาให้หายขาด

Shares:
QR Code :
QR Code