สวนหย่อมที่พักพิง รวมใจชาวปริก

 

สวนหย่อมที่พักพิง รวมใจชาวปริก

 

ต้นยางพาราเรียงเป็นแนว ประหนึ่งแถวทหาร มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นยางพารา สวนหม่อมแห่งนี้เขียวครึ้มไปด้วยต้นไม้แห่งชีวิตของคนที่นี่ ผู้คนในเทศบาลตำบลปริก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลายังชีพด้วยการทำสวนยาง ตื่นตี 3 ออกมากรีดยาง ถามชาวสวนละแวกนั้นว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ในวันหนึ่ง พวกเขาลงมีดกรีดยางกันคนละกี่ต้น ไร่หนึ่งมีต้นยางพาราประมาณ 70 ต้น บางคนมีสวนยาง 10 ไร่ และทั้งหมดก็มีบ้างที่กรีดคนเดียว 700 ต้น

แต่เดิมสวนหม่อมแห่งนี้มีพื้นที่หลายพันไร่ เจ้าของเดิมคือ หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์ กิติยากร เมื่อก่อนสวนหม่อมแห่งนี้ ยังไม่มีต้นยางพารา แต่เต็มไปด้วยต้นปาล์ม เป็นพื้นที่แรกๆ ในประเทศไทยที่ปลูกปาล์ม ในสมัยนั้นหม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์ ทำธุรกิจน้ำมันปาล์ม

สุริยา ยีขุน นายกเทศมนตรีตำบลปริก เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนมีการใช้เกวียนขนปาล์มจากสวนหม่อมแห่งนี้ ไปยังสถานีรถไฟคลองแงะ เป็นระยะทาง 20 กิโลเมตร เพื่อนำขึ้นรถไฟส่งไปยังต่างประเทศ วันนี้เหลือต้นปาล์มอยู่ 2 ต้น นอกนั้นเป็นต้นยางพาราทั้งสิ้น

หากเดินดูรอบๆ จะสะดุดตากับเสาซีเมนต์สูงระดับเอว 4 ต้น มีข้อความเขียนไว้ ซึ่งเป็นร่องรอยที่แสดงให้เห็นว่า เขียนตอนที่ปูนยังไม่แห้ง ข้อความระบุว่า ‘ทรงปลูก 4/8/76’

จากคำบอกเล่าต่อกันมาจากคนเก่าแก่จนถึงคนรุ่นปัจจุบัน รวมถึงหลักฐานที่ประจักษ์ในสวนหม่อมแห่งนี้ จึงพอเห็นภาพความเชื่อมโยงของพื้นที่สวนหม่อมแห่งนี้กับประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ด้วยครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ได้เสร็จมาประทับแรมที่สวนหม่อมแห่งนี้เป็นเวลา 1 เดือน แม้ไม่มีการบันทึกถึงหลักฐาน การประทับแรมครั้งนี้ในหน้าประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยประทับแรมที่นี่ก่อนเดินทางไปยังปีนัง เพื่อลงเรือต่อไปยังประเทศอังกฤษ ตรงตามที่มีบันทึกในหลักฐานทางประวัติศาสตร์

นายกฯ สุริยา บอกว่าหากดูจากวันเวลาที่ถูกบันทึกบนเสาหลักทั้งสี่ต้น พระองค์เสด็จมาประทับแรมในปี 2476 นั้น ชัดเจนว่า เป็นหนึ่งปีถัดมา หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ขณะเลข 4 และ 8 นั้น อาจทำให้คนร่วมสมัยอย่างเราเข้าใจว่า เป็นวันที่ 4 เดือนสิงหาคม แต่คนเฒ่าคนแก่บอกว่า ในสมัยนั้น เมษายน ถือเป็นเดือนที่ 1 ซึ่งการนับเดือนมกราคมเป็นเดือนที่ 1 เพิ่งเกิดขึ้น ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี

ยังไม่มีใครกล้ายืนยันถึงเรื่องเล่าการเสด็จประทับของพระองค์ ขณะที่ยืนมองเสาหลักที่มีพระปรมาภิไธยนั้น เราได้แต่นึกย้อนไปยังเหตุการณ์ในครานั้น ปัจจุบันสวนหม่อมแห่งนี้เป็นที่ดินของเอกชน เจ้าของยังคงปล่อยเสาหลักที่มีพระปรมาภิไธยไว้ดังเดิม และหลงเหลือต้นปาล์ม 2 ต้น นอกนั้นก็มีต้นยางพารา เรียงเป็นแนวประหนึ่งแถวทหาร มองไปเจอต้นไม้ต้นหนึ่ง มีหน้าตาประหลาด มันเป็นต้นปาล์มที่ถูกลำต้นที่มีลักษณะคล้ายต้นยางพาราสวมคลุมใบของปาล์มอยู่เหนือลำต้น ขณะกิ่งก้านที่แผ่เหยียดกลับคล้ายว่า นั้นเป็นลำแขนของยางพารา เห็นต้นไม้ที่คล้ายคนสองคนอยู่ในร่างเดียวนี้แล้ว ก็นึกถึงการอยู่ร่วมกันของคนตำบลปริก พวกเขาอยู่ร่วมกัน พึ่งพาอาศัยกัน ต่างศาสนา และวัฒนธรรม แต่ประสานกันด้วยความเข้าใจ ให้โอกาสกันและกัน คล้ายต้นไม้ประหลาดต้นนี้ที่ก่ายกอดอยู่ร่วมบนรากเดียวกัน

 

 

ที่มา : ปันสุข

Shares:
QR Code :
QR Code