สวนผักคนเมือง ครั้งที่ 6 ไม่ทิ้งความมั่นคงทางอาหารไว้ข้างหลัง
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
ภาพประกอบจาก สสส.
ผ่านพ้นไปแล้วกับเทศกาล “สวนผักคนเมือง ครั้งที่ 6” เมื่อช่วงปลายเดือนพ.ย. 2563 ที่ผ่านมา โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กับ มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) ได้จัดขึ้นเป็นต้นแบบความมั่นคงทางอาหาร
ซึ่ง ทพญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์ ประธานกรรมการกำกับทิศทางแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า เนื่องจากผักและผลไม้เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งวิตามิน เกลือแร่ ใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs เช่น ความดัน เบาหวาน) ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยถึงร้อยละ 70 แต่ผลการสำรวจพบมีคนไทยเพียง 4 ใน 10 คนที่ได้รับประทานผัก/ผลไม้ในปริมาณเพียงพอ ซึ่งอาจมาจากปัจจัยแวดล้อม เช่น ร้านสะดวกซื้อที่เน้นขายอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแปรรูปที่มีปริมาณไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูง หรือร้านอาหารจานด่วนที่มีผักผลไม้เป็นส่วนประกอบน้อย เป็นต้น
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าแต่ละวันควรบริโภคผัก/ผลไม้ให้ได้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม
ขณะที่ นางสุภา ใยเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) กล่าวว่า โครงการสวนผักคนเมือง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา ตระหนักถึงปัญหาคนเมืองด้านอาหารมากที่สุดโดยเฉพาะความมั่นคงทางอาหาร สุขภาพสังคม และสิ่งแวดล้อม จึงพยายามยกระดับการพึ่งตนเอง เริ่มจากปรับชุดความคิดคนเมือง ให้รู้จักปลูกผักแบบไม่ใช้สารเคมี ทำให้ทุกคนมีส่วนแสดงความคิดเห็นพัฒนาระบบอาหารยั่งยืนควบคู่กับวิถีชีวิตที่เกื้อกูลธรรมชาติ ผ่านกลไกการตลาดที่เชื่อมโยงสู่ผู้บริโภคในรูปแบบ City Farm Market
ซึ่งวิกฤติในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554ฝุ่น PM2.5 และการระบาดของไวรัสโควิด-19 ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและคุณภาพชีวิตของคนเมือง ความท้าทายนี้จะยังคงเป็นปัญหาที่ไม่มีคำตอบและไม่มีทางออก แต่เมื่อเริ่มปลูกผัก คนเมืองจะได้สัมผัสคุณค่าของพื้นดิน ทำให้เข้าใจวิถีเกษตรกรรมธรรมชาติ และเรียนรู้ว่าการปลูกเมืองคือการปลูกชีวิต
ด้าน ผศ.ดร.สักรินทร์ แซ่ภู่ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า โจทย์สำคัญที่ต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างระบบอาหารยั่งยืนคือ การทำให้พื้นที่ชุมชนแออัดไม่ถูกมองในแง่ลบ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “โครงการสวนแบ่งปัน” ที่เปลี่ยนช่วงวิกฤติไวรัสโควิด-19 ให้เป็นโอกาสด้วยการปรับพื้นที่รกร้างหรือพื้นที่ว่างให้เป็นพื้นที่ปลูกผัก
เนื่องจากสวนแห่งนี้ไม่ได้มองแค่เรื่องความมั่นคงทางอาหาร แต่ต้องการเปลี่ยนชุดความคิดว่า ชุมชนแออัดเป็นพื้นที่สร้างอาหารปลอดภัยควบคู่กับความมั่นคงทางอาหารด้วย โดยอยู่บนพื้นฐานการเกื้อกูลกันได้ ใช้ผักเป็นชุดเครื่องมือที่ทำให้ทุกคนในชุมชนหันมาช่วยกันดูแล ควบคู่กับการมีผังเมืองที่ทำให้เห็นความสำคัญของพื้นที่อาหาร ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว