สวดมนต์ข้ามปี ต้อนรับปี “พุทธชยันตี”
การเดินทางของพุทธศาสนา นับเนื่องมาจนถึงปีหน้า 2555 ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จัดได้ว่า เส้นทางแห่งพระพุทธศาสนา ใช้เวลาการเดินทางมาเนิ่นนานมากทีเดียว
ซึ่งหากจะนับกันจริงๆแล้ว ปี 2555 ที่กำลังจะถึงนี้ ถือว่าเป็นปีที่มีความสำคัญต่อประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง เพราะเป็นปีที่ครบ 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ซึ่งในหลายประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาได้มีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่
สำหรับในประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกับ มหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2554 เพื่อต้อนรับ 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษาด้วย
พระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร กล่าวถึงการครบ 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ว่า ในช่วงปี 2555 นับว่าเป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา เพราะว่าเป็นปีที่ครบ 2,600 ปี นับตั้งแต่วันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ หรือที่เรียกกันว่า “พุทธชยันตี” ซึ่งหมายถึงชัยชนะของพระสัมมา สัมพุทธเจ้าที่มีต่อหมู่มารและกิเลสทั้งปวงอย่างสิ้นเชิง และยังหมายรวมไปถึงการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าด้วย จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่พุทธศาสนิกชนจะใช้โอกาสนี้ในการระลึกถึงการตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้า เริ่มตั้งมั่นในเรื่องศีล การให้ทาน การภาวนา แผ่จิตเมตตา ให้กว้างขวางออกไป ฝึกตนให้เป็นผู้สะอาดทั้งกาย วาจา ใจ ฝึกปฏิบัติภาวนาให้หนักแน่น มั่นคง อย่าโยนความผิดให้กับผู้อื่น และหากจะมีการสร้างอะไรที่เป็นถาวรวัตถุ ก็ควรสร้างเพื่อน้อมถวายพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ที่ทรงนับถือพระพุทธศาสนา เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ให้กับพุทธศาสนิกชนรุ่นหลังได้ระลึกถึง
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ยังกล่าวด้วยว่า ในบางประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะถือว่าปี 2555 จะเป็นการก้าวเข้าสู่พุทธศักราชที่ 2,600 ด้วย และในโอกาสนี้ทางที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) จึงมีมติให้ทุกวัดจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง เพื่อเข้าสู่ปี พุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า โดยให้จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2554 ด้วย
“ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพระพุทธศาสนามั่นคงที่สุดในบรรดาประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาด้วยกันทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีที่ชาวไทยจะได้ร่วมเฉลิมฉลอง และระลึกถึงการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในการก้าวเข้าสู่ปี พุทธชยันตี ด้วยการร่วมการสวดมนต์ข้ามปี เข้าสู่ปีพุทธชยันตี ทั้งยังเป็นการสวดมนต์ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา ซึ่งจะทำให้พุทธศาสนิกชนได้รับมงคลข้ามปี และถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นให้ได้ฝึกตนเป็นผู้สะอาดทั้งกาย วาจา ใจ ด้วย” พระวิจิตรธรรมาภรณ์ กล่าว
ขณะที่ แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน กล่าวถึงการที่พุทธศาสนิกชนได้ร่วมสวดมนต์ในคืนวันข้ามปี ว่า การสวดมนต์เป็นการสวดธรรมะของพระพุทธเจ้า เมื่อสวดมนต์จะทำให้เกิดเป็นคลื่นเสียงแห่งกุศล ไม่ว่าเราจะสวดมนต์บทไหนก็ตาม การสวดมนต์สามารถสวดได้ทุกที่ ทุกเวลา หากเราได้สวดมนต์ในคืนวันข้ามปีแล้ว ก็เท่ากับเราให้ของขวัญที่มีค่าที่สุดให้กับตัวเอง โดยเป็นของขวัญที่มีราคาถูกที่สุด เพราะเมื่อเราสวดมนต์ข้ามปี เราก็จะได้อยู่กับครอบครัว แทนการเฉลิมฉลองด้วยการกินเหล้า เราก็จะได้กุศล เราไม่ควรข้ามปีอย่างไร้สติ ทำไมปีใหม่เราต้องทำลายสติปัญญา ทำไมไม่รักษากาย รักษาสติให้ใหม่ตลอดเวลาเพื่อต้อนรับปีใหม่ เพราะปีใหม่เราควรหันมาเจริญสติ แทนการเมาเหล้าเมาอารมณ์
“อยากให้เริ่มสวดมนต์กันทุกวัน เพราะการสวดมนต์จะได้กุศล ถือเป็นการสวดคำสอนของพระพุทธเจ้า ก่อให้เกิดคลื่นเสียงแห่งกุศล ทำให้จิตมีสมาธิ ไม่ขุ่นมัว อีกทั้งเมื่อเราสวดมนต์คลื่นเสียงของการสวดมนต์จะไปทำให้โมเลกุลของน้ำในร่างกายเรียงตัว จึงทำให้ผู้ที่สวดมนต์เป็นประจำจะมีเลือดลมดี ผิวพรรณดี หน้าตาแจ่มใส” แม่ชีศันสนีย์ กล่าว
จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ประชาชนชาวไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาจะได้เข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในค่ำคืนส่งท้ายปี 2554 ในโอกาสสำคัญถึง 2 โอกาส และจะส่งผลให้เกิดเป็นกุศลครั้งยิ่งใหญ่
เพราะกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อถวาย “ในหลวง” และเพื่อต้อนรับปีพุทธชยันตีที่กำลังจะมาถึง ไปพร้อมกันด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า