สวดภาวนา สร้างสุขภาวะทางปัญญา

สังฆมณฑลอุบลราชธานี เสวนาเปิดตัว “การสวดภาวนาคาทอลิกไทย 5 รูปแบบ” เน้นปลูกฝังเยาวชนและคริสชนตระหนักในพันธกิจของพระเจ้า พรัอมกับปลูกฝังมิติการสร้างเสริมสุขภาวะทางปัญญา


สวดภาวนา สร้างสุขภาวะทางปัญญา thaihealth


เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา ทีมงานศูนย์สังคมพัฒนา สังฆมณฑลอุบลราชธานีและคาริตัสไทยแลนด์ พร้อมด้วยคุณพ่อเจ้าอาวาสและคณะกรรมการอาสนวิหารพระแม่นิรมลอุบลราชธานีจัดกิจกรรมเสวนาและอบรมให้ความรู้ในโครงการสวดภาวนาคาทอลิกไทยภายใต้ชื่อ “ภาวนาสร้างปัญญาและคุณค่าของพิธีบูชาขอบพระคุณ ความหมายของการแสวงบุญ” ณ อาคารแพร่ธรรม อาสนวิหารพระแม่นิรมลอุบลราชธานีโดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และกลุ่มภาวนาต่างๆ ได้แก่ พลมารี, วินเซนต์เดอปอล, เซอร่า, พระจิต, เยาวชน, เยาวเนรี, ซิสเตอร์, ผู้สูงอายุ กว่า 70 คน เริ่มต้นแล้วที่อาสนวิหารพระแม่นิรมลอุบลราชธานี ก่อนจะขยายตัวไปยังชุมชนต่างๆ  จนถึงสิ้นปี เพื่อเป็นพื้นที่รูปธรรมการสวดภาวนาสร้างปัญญาแบบคาทอลิกในสังฆมณฑลอุบลราชธานีและอีก 9 สังฆมณฑลทั่วประเทศ


กิจกรรมนี้เป็นการจัดต่อเนื่องจากการแลกเปลี่ยนแนวคิดงานสวดมนต์สร้างปัญญาพัฒนาสุขภาวะสู่การสวดภาวนาตามรูปแบบ กระบวนการที่เป็นของพวกเราชาวคาทอลิกไทย  เป็นการยกระดับมิติการทำความเข้าใจและพัฒนารูปแบบการภาวนาเพื่อการรู้ชัดในศาสนธรรมของศาสนาตนเอง เคารพในศาสนาธรรมผู้อื่นและเข้าใจการอยู่ร่วมกันอย่างฉันท์มิตร  ทำให้การภาวนาเหมือนการจำลองสถานการณ์ความเข้าใจและพฤติกรรมท่าทีต่อผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์


เริ่มต้นกิจกรรมด้วย “วจนพิธีกรรม” เปิดโครงการสวดภาวนาคาทอลิกไทย โดยคุณพ่อ แอนดรูว์ วิทยา งามวงศ์ อุปสังฆราช และเจ้าอาวาสอาสนวิหารแม่พระนิรมรล  ที่ประทับใจมากว่า“แบบอย่างหรือตัวอย่างผู้ที่สวดมนต์ได้ดีที่สุดคือองค์พระเยซูเจ้า เมื่อจะเริ่มพันธกิจสำคัญในการลงไปเทศน์สอนนั้น  พระองค์ทรงเสด็จขึ้นภูเขาเพียงลำพัง  เพื่อทรงสวดภาวนาตลอด 40 วัน 40 คืน เพื่อค้นหาพระประสงค์ของพระเจ้า และในที่สุด การสวดภาวนาก็ทำให้พระองค์ทรงสวดภาวนา สร้างสุขภาวะทางปัญญา thaihealthเปี่ยมด้วยพลัง  สามารถที่จะเอาชนะการทดลองของปิศาจที่เข้ามาประจญ  และจากนั้นพระองค์ก็ทรงเสด็จออกไปประกาศอาณาจักรของพระเป็นเจ้าจนตลอดพระชนม์ชีพ  พร้อม ๆ กับการสวดภาวนาที่ทรงกระทำทุกวันเช่นกัน  วันนี้เรามาร่วมโครงการสวดมนต์สร้างปัญญา ภาวนาคาทอลิกไทย ทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ของโครงการฯนี้ เพื่อให้เราได้ใช้ปัญญาขับเคลื่อนโครงการนี้ได้อย่างเหมาะสม ให้เรารู้จักที่จักและช่วยเหลือพี่น้องด้วยการยื่นพระหัตถ์ออกไป อาศัยโครงการนี้ สวดภาวนาแสดงความรักในพระองค์เพื่อการเป็นบุตรผู้รับใช้พระองค์นิรันดร”


จากนั้น คุณพ่อ สเตเฟน บุญเลิศ พรหมเสนาได้นำเสนอ “คุณค่าของพิธีบูชาขอบพระคุณ(มิสซา)อย่างน่าสนใจว่า “พิธีมิสซา เป็นพิธีสร้างปัญญาให้คริสตชนตระหนักในหน้าที่ตนเองว่าเป็นผู้ถูกส่งไปเพื่อประกาศข่าวดีและประพฤติตนเป็นแบบอย่าง รวมทั้งมอบตัวและชีวิตให้มีคุณค่าต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่ได้รับมาจากพระเจ้า โดยมีศีลมหาสนิทซึ่งเป็นการรับองค์พระคริสตเจ้าเข้ามาประทับในจิตใจของคริสตชนให้เข้มแข็งและมุ่งมั่นออกไปเพื่อรักและรับใช้เพื่อนมนุษย์”


ด้าน นายบุญนิธิ นามบุญ หัวหน้าศูนย์สังคมพัฒนา สังฆมณฑลอุบลราชธานี ผู้จัดโครงการฯ เล่าว่า “โครงการนี้เป็นความมือของฝ่ายบริหารและพัฒนาโครงการภายในประเทศ คาริตัสไทยแลนด์ อันเป็นหน่วยงานด้านการพัฒนาสังคมในสภาพระสังฆราชคาทอลิคกับสสส.และเครือข่ายด้านภาวนา เราทำร่วมกับวัดอื่นๆ อีก 5 สังฆมณฑล (เขตการปกครองคาทอลิกไทย) คือ 4 สังฆมณฑลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ 1 สังฆมณฑลในภาคกลางตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง คือ สังฆมณฑลนครสวรรค์  ให้เป็น 5 สังฆมณฑลนำร่องการสวดภาวนาตามรูปแบบและกระบวนการของชาวคริสต์คาทอลิก  ที่มุ่งไปสู่การสัมผัสความสุขที่เป็นรูปธรรมในชีวิต ในครอบครัว ในการทำงาน และในการเป็นประจักษ์พยานของพระคริสตเจ้าเพื่อความสุขแท้ ท่ามกลางนานาสภาพปัญหาในสังคมปัจจุบัน 


กิจกรรมหลัก ๆ ของโครงการ เป็นการเน้นให้กลุ่มองค์กรในชุมชนวัดคาทอลิกที่มีกิจกรรมสวดภาวนา  ได้มาพบปะกัน คุยกันและบอกเล่าแลกเปลี่ยนรูปแบบการสวดต่างๆทุกๆเดือนหรือเดือนละครั้ง รวมทั้งร่วมพลังกับศาสนาอื่นๆเพื่อสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในสังคมไทย อาจมีการพัฒนารูปแบบการสวดภาวนาของชาวคาทอลิกให้มีรูปแบบ หรือกระบวนการที่น่าสนใจ เน้นการมีส่วนร่วมของทุกคน เพื่อนำไปสู่ความสุขที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นด้วย   กิจกรรมที่ทำนี้ เราจะสื่อสารงานสวดภาวนา สร้างสุขภาวะทางปัญญา thaihealthสวดภาวนาดีๆผ่านสื่อของสสส. ผ่านสื่อของสังฆมณฑล สื่อของคาทอลิก และสื่อเฟสบุ๊กส์โครงการฯ เป็นต้น เพื่อให้ทุกคนได้เห็นและเข้ามาแลกเปลี่ยนหรือนำเสนอรูปแบบกิจกรรมการสวดภาวนาคาทอลิกให้กว้างขวางมากขึ้น ในที่สุดก็จะเป็นการสร้างเครือข่ายสวดภาวนาคาทอลิกไทยต่อไป โดยต้องมีความสุขเป็นฐานสำคัญดังที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสกล่าวว่า 1. ใช้ชีวิตและปล่อยวางกับชีวิต2. พยายามเป็นผู้ให้ 3. ดำเนินชีวิตอย่างสงบ4. ใช้เวลาว่างอย่างมีคุณภาพ 5. วันอาทิตย์ควรเป็นวันหยุด 6. คิดสร้างสรรค์งานที่มีคุณค่าสำหรับเยาวชน  7. เคารพและปกป้องธรรมชาติ 8. หยุดคิดในแง่ลบ 9. อย่าโน้มน้าวให้เปลี่ยนศาสนา ให้เคารพในความเชื่อของคนอื่น 10. ทำงานเพื่อสันติภาพ”


นายประญัติ เกรัมย์ ทีมจิตอาสาคาริตัสไทยแลนด์และภาคีสสส. กล่าวว่า “เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจการสวดภาวนาก่อนว่าคืออะไร จากนั้นก็ทำอย่างที่เข้าใจด้วยตนเองพร้อมกับชักชวนเพื่อนๆมาร่วมทำด้วยกัน เพื่อให้มีพลังรวมหมู่ในการทำดี การภาวนาของทุกศาสนาจึงเป็นการทำดีทั้งสิ้น เราไม่ได้มีศาสนาไว้เพื่อแข่งขันหรือยกตนข่มผู้อื่นอย่างขาดสติและไม่เคารพเสรีภาพในการนับถือและแสดงออกทางศาสนา งานที่ผมร่วมขับเคลื่อนนี้ ทั้งส่วนของการภาวนาและศาสนสัมพันธ์ เพราะผมคิดอยู่เสมอว่า เมื่อ พระศาสดาของ 3 ศาสนามาเจอ  ผมเชื่อว่าพระองค์ไม่ทะเลาะกันแต่จะทรงเกื้อกูล เมตตาและร่วมมือกันทำให้ชาวโลกตื่นรู้และทำตนให้เป็นอย่างที่พระศาสดาทำไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งการคิดแบบทำนองนี้ได้ เราควรมีเวลาภาวนาและใคร่ครวญชีวิตตนองให้มาก”


มาถึงกิจกรรมสำคัญคือเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เสวนาถึงรูปแบบคุณค่าของการภาวนาในกลุ่มต่างๆ ได้แก่ พลมารี วินเซนต์เดอปอล เซอร์ร่า กลุ่มพระจิต เยาวชน เยาวเนรี ซิสเตอร์ ผู้สูงอายุ ประกอบด้วยตัวแทนผู้นำสวด คือซิสเตอร์บังอร จันลา อาจารย์นิภาพร บูรณะกิจ  นายสาโรจน์ ประกอบกิจและซิสเตอร์ชุติมา วาพิทักษ์  ได้เล่าประสบการและสรุปรูปแบบการสวดได้ 5 รูปแบบที่น่าสนใจ คือ


1) ภาวนาประจำวันของครูต่อการสอนนักเรียนและแก้ปัญหาในการเรียนการสอน


2) สวดสายประคำ 10 เม็ด ขอพระพรจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อตนเองและเพื่อผู้มีพระคุณทุกคน


3) สวดสายประคำ 1 สายและสวดสายสัมพันธ์ เป็นการสวดให้ผู้หลงเดินทางผิด เยี่ยมคนป่วยชรา(เน้นเดือนตุลาคมเป็นพิเศษ)


4) สวดภาวนาเพื่อกระแสเรียกสำหรับพระสงฆ์ นักบวชชายหญิง เยาวเนรีให้เพิ่มจำนวนขึ้น


5) ภาวนาแบบทำวัตรเช้าเย็นเพื่อผู้อื่น ปลูกความเชื่อความศรัทธา ไม่ซ้ำรูปแบบในแต่ละสัปดาห์


“การสวดภาวนาที่ดีที่สุด คือ เราจะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้านี่เป็นความมุ่งหมายของการภาวนา เราจะเตือนชีวิตด้วยการเอื้ออาทรต่อผู้อื่น ให้อภัยต่อชีวิตของผู้อื่น สนใจผู้อื่น เป็นการแสดงความไว้ต่อพระเป็นเจ้าและทำพันธกิจที่พระเจ้ามอบให้ สวดมนต์สร้างปัญญา ปัญญานำไปสู่การแผ่ขยายออกของความเมตตาในแบบต่างๆ” คุณพ่อ แอนดรูว์ วิทยา งามวงศ์ได้กล่าวบทภาวนาที่มีคุณค่าปิดท้ายในกิจกรรมวันนี้


 


 


ที่มา: ทีมจิตอาสาคาริตัสไทยแลนด์

Shares:
QR Code :
QR Code