สร้างโมเดลเปลี่ยนที่ทำงานเป็นครอบครัวแห่งสติ
ที่มา : ไทยโพสต์
ภาพประกอบจาก สสส.
หัวใจที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอด ประสบความสำเร็จ และนำพาองค์กรสู่ความยั่งยืน ต้องเกิดจากคนในองค์กรที่มีประสิทธิภาพ พร้อมที่จะจัดการปัญหาและอารมณ์ด้วยสติ แนวทางขับเคลื่อนต้องเร่งพัฒนาสติและปัญญาในการทำงาน เหตุนี้ เสถียรธรรมสถาน ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์กรธุรกิจจำนวน 15 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งดำเนินธุรกิจในรูปแบบที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ยังมี บจก.สยามสไมล์โบรกเกอร์, บจก.มินเซนแมชีเนอรี่ และ บจก.ไทดี้คลีนนิ่ง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 'ขับเคลื่อนครอบครัวอบอุ่นด้วยสติในองค์กร' ผ่านกลไกระดับนโยบาย เครือข่าย และความรู้ด้วยการทำงานเชิงรุก ณ เสถียรธรรมสถาน ชุมชนแห่งการเรียนรู้ สำหรับการลงนามเอ็มโอยูครั้งนี้ มุ่งหวังให้ 15 องค์กรนำร่องร่วมสร้างพลเมืองไทยทุกวัยในสังคมผู้สูงอายุให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระดับครอบครัว และมากกว่านั้นเป็นวัยทำงานที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนองค์กรและสังคม
ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร และผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตวัยสตรีวัยทำงาน ด้วยการบูรณาการ Happy 8 โดยใช้ Happy Soul เป็นจุดเริ่มต้นพัฒนาสติและปัญญาในการทำงาน หากมีความสุขในทุกมิติของชีวิตจะสามารถยกระดับความสุขระดับปัจเจกชนจนไปสู่ความสุขในระดับมหภาคได้ คนวัยทำงานเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศ และยังเป็นผู้ดูแลคนอีก 2 รุ่น คือ รุ่นพ่อแม่ และรุ่นลูกหลาน จึงร่วมกับเสถียรธรรมสถาน ซึ่งเป็นองค์กรที่มีองค์ความรู้นำธรรมะมาแนะนำคนให้ปฏิบัติในวิถีชีวิตทุกช่วงวัย
ริเริ่มโครงการ "ขับเคลื่อนครอบครัวอบอุ่นด้วยสติในองค์กร" โดยเชิญชวนองค์กรภาคธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะในการจัดการอารมณ์และปัญหาที่ซับซ้อนในความสัมพันธ์ของคนต่างรุ่น ถือเป็นการประยุกต์ใช้ธรรมะกับวิถีการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน โดยมีสติกำกับ สอดคล้องกับงานสร้างเสริมสุขภาวะของ สสส.ต้องมีสำนึกสร้างเสริมสุขภาพ ปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงต้องไม่ยุ่งเกี่ยว เหล้า บุหรี่ พฤติกรรมทำลายสุขภาพ ขณะเดียวกันสร้างเสริมสิ่งที่ดี ฝึกฝนตนเองอย่างมีความเพียร เช่น กิจกรรมทางกาย แต่ธรรมะจะทำให้มีวิริยะ
จากการลงนามเอ็มโอยู รักษาการ.ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร กล่าวว่า มีภาคีเครือข่ายสหวิชาชีพมาร่วมกันสร้างโปรแกรมพัฒนาบุคลากรทั้งการอบรมเชิงปฏิบัติการให้สติเป็นไลฟ์สไตล์ และโค้ชทักษะชีวิตผ่านห้องเรียนออนไลน์ MOOC สำหรับบุคลากรแกนนำ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสร้างรัง เป็นหนุ่มสาวที่เริ่มสร้างครอบครัว กลุ่มสร้างลูก เป็นพ่อแม่ที่มีลูกทุกวัย และกลุ่มสร้างโลก เป็นคนทำงานที่ต้องดูแลพ่อแม่หรือเตรียมตัวเองสู่สังคมสูงวัย ซึ่งทักษะเป็นจุดเชื่อมสำคัญในการรวมพลังครอบครัว องค์กร และสังคมเพื่อเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในยุคดิสรัปชันได้
ดร.ประกาศิตกล่าวว่า โครงการขับเคลื่อนครอบครัวอบอุ่นด้วยสติในองค์กร ช่วยสร้างทักษะชีวิตในการจัดการปัญหาในครอบครัว และสติในการอยู่ร่วมกันในองค์กร เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ทุกองค์กรกำลังเผชิญอยู่ ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน และยิ่งปัญหานี้เกิดขึ้นกับบุคลากรเจน Y ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิด ทัศนคติ และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างไปจากคนรุ่นก่อน การเติมเต็มความสัมพันธ์แบบร่วมทุกข์ร่วมสุขเสมือนครอบครัวเดียวกัน นอกจากจะทำให้บุคลากรรู้สึกได้รับการดูแลแล้ว การติดอาวุธทางปัญญาให้แก่บุคลากร คือ สติและทักษะชีวิตที่จะเผชิญสถานการณ์วิกฤติต่างๆ เกิดเป็นทักษะติดตัวที่ในการจัดการปัญหาด้วยสติ ทั้งการสื่อสาร และสร้างภาวะผู้นำแบบร่วม เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของโครงการในการขับเคลื่อนสังคมด้วยการสร้างคนวัยทำงานที่มีครอบครัวอบอุ่นและมีสติในการดำเนินชีวิตทั้งในระดับครอบครัว องค์กร และสังคม
"ที่ทำงานจัดเป็นครอบครอบในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะคนใช้เวลาอยู่ที่ทำงานเยอะกว่าที่บ้าน เวลาที่ทำสิ่งผิดพลาด ต้องมีคนช่วยสนับสนุนให้กลับขึ้นมา สสส.อยากร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง ทำให้บรรยากาศที่ทำงานเหมือนที่บ้าน มีผู้ใหญ่คอยให้คำปรึกษา มีพี่น้องพูดคุยปัญหาความทุกข์ยาก ครอบครัวอบอุ่นในระดับองค์กร ซึ่งคนในองค์กรต้องมีทักษะให้คำปรึกษาหรือสื่อสารเชิงบวก เมื่อได้องค์กรที่มีองค์ประกอบดังกล่าวแล้ว สสส.จะนำมาถอดบทเรียน สกัดความรู้ และถ่ายทอดความสำเร็จเผยแพร่สู่สังคมขยายผลต่อไป องค์กรมีหลากหลายรูปแบบ เผชิญปัญหาต่างกัน การต้นแบบ 15 องค์กร เป็นสิ่งสำคัญใน 15 องค์กร มีทั้งองค์กรใหม่ และองค์กรที่มีพื้นฐานองค์กรแห่งความสุขมาแล้ว โครงการนี้มีระยะเวลา 3 ปี มีการติดตามประเมินผลจากเสถียรธรรมสถาน ด้านองค์กรจะจัดทำรายงานความก้าวหน้า" ดร.ประกาศิตเน้นย้ำ
แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต กล่าวว่า การใช้ชีวิตต้องไม่ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงเมื่อโลกเปลี่ยนแปลง แต่ทุกคนควรเจริญสติ มีความพร้อมเผชิญกับปัญหาในองค์กร ซึ่งมีมากมาย ทั้งเลย์ออฟ ความเครียดจากการทำงาน รวมถึงพบคนทำงานเป็นโรคซึมเศร้าและมีอาการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หากมีสติและนำมาใช้จริงปฏิบัติจริงจะไม่ทุกข์ สุขภาวะของคนต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา รวมถึงมีสภาพแวดล้อมเสริมสร้างสุขภาวะทางปัญญา องค์กร 15 แห่งที่ลงนามความร่วมมือเหมือนเป็นต้นน้ำปรับเปลี่ยนที่ทำงานเป็นครอบครัวแห่งสติ ดำเนินกิจกรรมกับทุกช่วงวัยในองค์กร ถ้าทำสำเร็จจะเป็นโมเดลที่แบ่งปันสู่องค์กรอื่นๆ
โรงแรมโฆษะ หนึ่งในองค์กรเก่าแก่คู่เมืองขอนแก่นร่วมนำร่อง ทำธุรกิจควบคู่พัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงาน ชาติชาย โฆษะวิสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหารโฆษะกรุ๊ป ร่วมลงนามเอ็มโอยู กล่าวว่า มีจุดยืนในการทำธุรกิจบนความพอเพียง ตอบแทนสังคม และดูแลความสุขของพนักงาน ก็ถ่ายทอดแนวคิดนี้สู่ครอบครัวโฆษะ
การทำธุรกิจต้องรับผิดชอบต่อพนักงาน ก่อนหน้านี้มีอบรมธรรมะเยียวยาสังคม เสริมสร้างสติให้พนักงาน ส่วนสตรีวัยทำงานก็มีอาสาสมัคร สาธารณสุขจังหวัด อบรมแม่ตั้งครรภ์ มีกิจกรรมเติมเต็มความสัมพันธ์ที่ชักชวนครอบครัวพนักงานเข้าร่วม พาพ่อแม่ ตายาย หรือพาลูกมา นี่เป็นสังคมการทำงานที่มีการเกื้อหนุน นำมาซึ่งความมั่นคงทางสุขภาพกายและใจ มีการอบรมเพื่อเพิ่มรายได้ให้พนักงาน และสร้างแนวคิดอยู้ร่วมกันอย่างครอบครัวที่เข้มแข็ง เป็นการนำพาองค์กรสู่ความยั่งยืน อยากให้องค์กรอื่นๆ เลือกดำเนินธุรกิจโดยไม่ละทิ้งครอบครัวของพนักงาน
ธนัชวิชญ์ แทรเวล เป็นอีกองค์กรที่จะร่วมสร้างโมเดลต้นแบบ ธนัช เงินประเสริฐศรี กรรมการผู้จัดการบริษัท ธนัชวิชญ์ แทรเวล กรุ๊ป จำกัด ร่วมลงนามเอ็มโอยู กล่าวว่า องค์กรของเราให้บริการเช่า รถบัส รถตู้ เพื่อเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศ มีพนักงานขับรถ 200 คน ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวได้รับความนิยม พนักงานขับรถให้บริการลูกค้าต่อเนื่อง บางครั้งหยุด 1 วันต่อสัปดาห์
นอกจากรับผิดชอบผู้โดยสารยังต้องดูแลครอบครัว จะมีความเหนื่อยล้า ความกดดันในการทำงาน จำเป็นต้องสร้างทักษะ คือ สติ ในการดำรงชีวิต คนขับรถบางคนมีบทบาทเป็นสามี บางคนเป็นลูกต้องดูแลพ่อแม่ ต้องบริหารจัดการเวลา ซึ่งบริษัทก็ช่วยส่งเสริมเพื่อสร้างสมดุลการทำงานและชีวิต ในองค์กรสร้างบรรยากาศครอบครัว วันเด็ก วันพ่อ วันแม่ ทำกิจกรรมบอกรัก รวมถึงการอบรมพัฒนาศักยภาพเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน มีรายได้เลี้ยงครอบครัว จากการลงนามครั้งนี้การผลักดันขับเคลื่อนครอบครัวอบอุ่นด้วยสติในองค์กรจะยกระดับมากขึ้น
นับเป็นอีกหนึ่งบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 'ขับเคลื่อนครอบครัวอบอุ่นด้วยสติในองค์กร' ที่ สสส.เดินหน้าเต็มกำลัง เป้าหมายไม่ใช่ผลกำไรทางธุรกิจ แต่ต้องการให้สร้างองค์กรต้นแบบรับผิดชอบต่อสังคม เป็นฟันเฟืองหนุนเสริมสุขภาวะที่ดีของพนักงาน เพื่อลดปัญหาสุขภาวะในแผ่นดินไทย.