สร้างสุข ‘เด็กในสถานสงเคราะห์’
จากการเก็บข้อมูลของสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ดและสถานสงเคราะห์พญาไท ในช่วงปี 2551-2553 พบว่าปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กและเยาวชนถูกส่งเข้าสถานสงเคราะห์แต่ละปี จำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ สถานสงเคราะห์แต่ละแห่งต้องแบกภาระเด็กไว้ในการดูแลเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 10-14 คน โดยเฉลี่ยปีละ 120-168 คน ซึ่งจากจำนวนสถานสงเคราะห์ทั่วประเทศที่มีประมาณ 20 กว่าแห่งนั้น ทำให้พบว่าเด็กไทยอยู่ในสถานสงเคราะห์ มากถึง เกือบ 3,000 คน ต่อปี
เด็กและเยาวชน หากไม่ได้รับความรักในวัยแรกเริ่มของชีวิต พวกเขาจะมีโอกาสเป็นโรคขาดรัก มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม รวมไปถึงการใช้ความรุนแรงในช่วงเจริญเติบโตดังจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันเราพบอาชญากรรมในเด็กที่อายุน้อยมีมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้จับมือกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิสุขภาพไทย สหทัยมูลนิธิ เครือข่ายพุทธิกา จัดทำโครงการ “พลังอาสาสมัครสร้างสุขให้เด็กในสถานสงเคราะห์” เพื่อช่วยให้เกิดกลไกประสานงาน ผ่านความร่วมมือของทุกภาคส่วน สร้างความเข้าใจถึงคุณค่าของงานอาสาสมัคร พัฒนาระบบกลไกอาสาสมัครที่ทำงานเพื่อเด็ก ให้เกิดเป็นเครือข่าย นำไปสู่การสร้างสุขภาวะที่ดีแก่ประเทศไทย
โดยในเบื้องต้นได้เปิดรับสมัครอาสาสมัครแก่เด็กในสถานสงเคราะห์นำร่อง 4 แห่ง ได้แก่ 1.สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท 2.สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด3.สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญาบ้านเฟื่องฟ้า และ 4.สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี เพื่อสร้างต้นแบบการสร้างอาสาสมัครต้นแบบแก่สถานสงเคราะห์ทั่วประเทศ
นางเพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส.เล่าว่า จากฐานข้อมูลสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล รายงานสุขภาพคนไทย ในปี พ.ศ.2551 พบว่า สังคมไทยมีสมาชิกรุ่นใหม่ที่เติบโตมาในสถานะเด็กกำพร้า มากถึง 800,000 คนโดยถูกทอดทิ้งในโรงพยาบาลสถานรับเลี้ยงเด็กสถานสงเคราะห์และที่สาธารณะ เด็กกลุ่มนี้ต้องได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษกับจำนวนเด็ก และสิ่งที่ สสส. คาดหวังว่าจะสามารถช่วยพัฒนาสนับสนุนให้การทำงานอาสาสมัครในสถานสงเคราะห์ให้ได้ประโยชน์และการเกิดการทำงานอย่างยั่งยืนคือการสร้างต้นแบบรูปแบบการทำงานด้วยวิธีการวิจัยจนได้เป็นคู่มือและเครื่องมือที่เป็นระบบอาสาสมัครในสถานสงเคราะห์
ยืนยันได้จาก นางรชธร พูลสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองสวัสดิภาพหญิงและเด็ก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) บอกว่า กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ มีสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน กระจายทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์ยังมีไม่เพียงพอ อีกทั้งยังอยู่ในวัยเกษียณโดยเฉลี่ย 1 คน ต้องดูแลเด็กจำนวนสูงถึง 20 คน ต่างกับหลักสากลที่เจ้าหน้าที่ 1 คน ดูแลเด็กจำนวน 4-5 คน สูงกว่ามาตรฐาน เกือบ 5 เท่า การเปิดรับอาสาสมัครและร่วมสร้างอาสาสมัคร จะเป็นช่องทางสำคัญในการช่วยลดภาระ การช่วยดูแลกิจวัตรประจำวัน ได้เป็นอย่างดี อาทิ การนวดสัมผัสในสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน และช่วยสอนหนังสือ เป็นต้น
พญ.พริม ทัพวงศ์ ตัวแทนอาสาสมัครสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ดคุณหมอผู้ทำงานด้านอาสาสมัครมากว่า 7 ปี บอกว่า ส่วนตัว ในฐานะหมอที่ทำงานด้านเด็ก ได้เห็นและเข้าใจถึงพฤติกรรมต่างๆ ของเด็กมากมาย ซึ่งเด็กในสถานสงเคราะห์นั้น เป็นเด็กที่มีปัญหาอยู่แล้ว หากมีคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาเติมเต็มจะเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาได้ เพราะ เด็กและเยาวชน ควรได้รับการเลี้ยงดูให้ได้รับความรัก ความอบอุ่นตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปี ซึ่งเป็นช่วงพื้นฐานที่สำคัญของชีวิต เพื่อที่จะช่วยหล่อหลอมให้เด็กเกิดพัฒนาการด้านร่างกายที่เหมาะสม ให้เด็กเติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ
ผู้ที่ประสงค์จะเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ในวันเสาร์-อาทิตย์ วันละ 2-3 ชั่วโมง อาทิอาสานวดสัมผัสเด็ก อาสาเสริมสอนหนังสือ อาสาเพื่อนเล่นเป็นต้น โดยผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่www.thaihof.org หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่มูลนิธิสุขภาพไทย 02-5894243
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า โดย ปานมณี