สร้างพลังใจให้สูงวัยยามชรา

ที่มา : ไทยโพสต์


สร้างพลังใจให้สูงวัยยามชรา thaihealth


แฟ้มภาพ


พบเห็นได้บ่อยๆ สำหรับผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย กระทั่งทำให้สูญเสียอวัยวะ เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อนและทำให้ต้องสูญเสียมือไป จากภาวะนิ้วกุดด้น หงิกงอใช้การไม่ได้ จากอาการชาไร้ความรู้สึก อันเนื่องจากเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับระบบกล้ามเนื้อได้รับความเสียหาย หรือแม้แต่คนสูงวัยที่ป่วยโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็ง ที่ทำให้ท้อแท้สิ้นหวังในชีวิต ซึ่งพบได้ทั้งคนทั่วไปและคนสูงวัย พญ.ปริยสุทธิ์ อินทสุวรรณ คุณหมอหัวใจเพื่อเพื่อนมนุษย์ (จิตแพทย์) จาก รพ.สิรินธร มีข้อมูลมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีเยียวยารักษาจิตใจของผู้ป่วยกลุ่มนี้ไว้น่าสนใจ


พญ.ปริยสุทธิ์ จิตแพทย์ ให้ข้อมูลว่า "กรณีผู้สูงอายุเป็นโรคเรื้อน และทำให้ต้องเสียมือ หรือโรคต่างๆ ที่ทำให้เกิดความท้อแท้ในชีวิต ตรงนี้หมออยากฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกคน ว่าอันที่จริงแล้วความชราก็เป็นความพิการอย่างหนึ่ง จะทำให้พลังของเราเสียไปเยอะ จึงอยากให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลตัวเอง และก็อยากให้ข้อความเหล่านี้ไปถึงลูกๆ ทุกคนว่า "ความชราเป็นความพิการอย่างหนึ่งของคุณพ่อคุณแม่ ที่ท่านต้องการการ ประคับประคองจากพวกเรา นอกจากรักท่านแล้ว ก็ช่วยประคับประคองให้ร่างกายของท่านพอไปพอมาได้ ท่านจะได้มีความสุข และให้คำสอนอีกทั้งคอยเป็นกำลังใจให้พวกเราต่อไป"


สำหรับวิธีประคับประท่าน สิ่งที่ดีที่สุดคือการทำความเข้าใจท่านว่า ความชราจะทำให้ทุกอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงไปหมด มีความเชื่องช้า มีความเคอะเขิน และมีความหลงลืม ไม่เหมือนเดิม ถ้าทำความเข้าใจท่านได้ เราจะได้ยอมรับท่านได้ ว่าท่านจะไม่เหมือนเดิม ซึ่งนั่นจะนำมาซึ่งการช่วยเหลือ เช่น ถ้าท่านช้าก็ไม่เร่งท่านเกินไป หรือเมื่อท่านหลงลืม ก็หาวิธีให้ท่านจดจำได้ และไม่เกิดอันตรายจากการหลงลืม สิ่งเหล่านี้คือการช่วยเหลือที่ลูกช่วยพ่อแม่ได้ เพราะเมื่อเข้าสู่วัยชรา ท่านก็มักจะทำอะไรไม่ได้ หรือสูญเสียอวัยวะจากความเจ็บป่วย ตรงนี้จึงอยากให้ลูกๆ เข้าใจ ยอมรับ รักและเมตตาท่าน


ในส่วนของผู้สูงอายุนั้น วิธี "สร้างพลังใจให้ตัวเอง" ที่ดีที่สุด หมอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีความแตกต่างด้านกายภาพ อันเนื่องจากความชรา อยากให้ลองมองตัวเองว่า แม้ตอนนี้จะไปไหนมาไหนไม่ได้ และไม่เหมือนเดิม แต่ลองมองย้อนหลังกลับไป เกี่ยวกับสิ่งที่สรรค์สร้างไว้ หรือทำมาทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์ โดยเฉพาะการที่ลูกๆ ทุกคนมีวันนี้ได้ ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จทั้งการเรียน การทำงาน ตลอดจนการใช้ชีวิต ก็เพราะมีเราในวันนั้น ลองค่อยๆ ดื่มกินความสุขที่อยู่ในอดีต ที่เราทำมา เอาความสุขเหล่านั้นมาหล่อเลี้ยงจิตใจในวันนี้ เราอาจจะวิ่งไม่ได้ก็นั่ง หรืออาจเดินไม่ได้ก็นั่ง แต่สามารถเฝ้ามองพวกเขาเติบโตได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการปรับมุมมอง"


ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข และการยอมรับความเป็นจริง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยหลัก 5 หลัก 6 ที่ร่างกายย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ และการย้อนคิดถึงเรื่องราวดีๆ ในวันเก่าๆ ที่ปู่ย่าตายายทำให้ลูกหลานได้มีวันนี้ หรือแม้แต่ลูกหลานเอง ที่นอกจากความเข้าใจวัยพ่อแม่แล้ว การให้ความเคารพและการเอาใจใส่เรื่องไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแต่ละวันของท่าน ให้เป็นไปอย่างราบรื่น…รับรองว่าอาการเจ็บป่วยที่เป็น คงทุเลาบางบาง เพราะอย่าลืมว่าจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว หรือจิตที่แจ่มใส ย่อมนำมาซึ่งสุขภาพที่แข็งแรงเช่นกัน

Shares:
QR Code :
QR Code