สร้างจิตสำนึกหนุนชุมชนลด“ไฟป่า”
ปัจจุบันภาคเหนือในหลายจังหวัด กำลังประสบกับปัญหาหมอกควันที่เกิดจากการเผาป่า ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องสุขภาพ ทั้งยังกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดด้วย
น.ส.บุญตา สืบประดิษฐ์ ผู้จัดการโครงการความร่วมมือเพื่อจัดการไฟป่าแบบผสมผสานลดปัญหาหมอกควัน มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน กล่าวว่า การเกิดไฟป่านั้นมีอยู่หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือเกิดจากฝีมือมนุษย์ โดยเฉพาะการขยายพื้นที่ทำการเกษตรทั้งในรูปแบบไร่เลื่อนลอย และแบบโครงการเกษตรพันธสัญญา ที่ต้องใช้พื้นที่เพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจจำนวนมาก ดังนั้นการเผาป่าจึงเป็นปัญหาที่ค่อนข้างจะซับซ้อน ซึ่งการจะแก้ไขได้อย่างตรงจุด ต้องไม่ใช่การจัดการแบบการสั่งจากหน่วยงานข้างบนเหมือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะมาตรการห้ามเผาเด็ดขาด ก็ไม่ได้เป็นมาตรการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ซ้ำยังอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างภาครัฐกับชาวบ้านอีกด้วย
น.ส.บุญตา บอกต่อว่า และด้วยสภาพพื้นที่ผืนป่าในภาคเหนือ มักเต็มไปด้วยป่าเต็งรัง ซึ่งมีลักษณะแห้งในหน้าร้อน ทำให้มีโอกาสเกิดไฟป่าสูง ส่วนไฟป่าที่มาจากชาวบ้านนั้นไม่ได้มากอย่างที่คนภายนอกเข้าใจ ถ้าเป็นคนในพื้นที่จะทราบวิธีการเผาโดยไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่น เพราะจะมีการทำแนวกันไฟไว้ก่อน ดังนั้นแนวทางหรือมาตรการการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่ถูกต้องนั้น จะต้องเกิดขึ้นมาจากการการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่คนในพื้นที่ ซึ่งการแก้ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ป่ามีความเข้มแข็ง ให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าภาพที่ต้องร่วมกันแก้ปัญหา ต้องมีการวางแผนร่วมกันระหว่างชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการแก้ปัญหาให้กับชุมชนอย่างเป็นระบบ ก็จะทำให้ปัญหาการเผาเพื่อบุกรุกพื้นที่ป่าลดลงไป
ผู้จัดการโครงการฯ ได้อธิบายเพิ่มว่า แนวทางการแก้ปัญหาไฟป่านั้น จะต้องเกิดขึ้นมาจากชุมชน เพราะชุมชนมีกำลังคนมากกว่าภาครัฐ และกระจายอยู่รอบๆ พื้นที่ป่า ด้วยเหตุที่กำลังคนที่มากกว่าและเป็นคนในพื้นที่ ชาวบ้านจึงมีบทบาทในการแก้ปัญหาได้ดีกว่า การเพิ่มความรู้และศักยภาพของชุมชน จะช่วยให้ชุมชนสามารถประสานความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และก็เป็นการช่วยเสริมพลังในการจัดการกับปัญหาไฟป่าอย่างได้ผลอีกด้วย
“ทิศทางในการแก้ไขปัญหาไฟป่าให้ได้ผลนั้น อาจต้องเริ่มแก้ในเชิงนโยบายระยะยาว เช่น การจัดทำนโยบายให้ชาวบ้านมีสิทธิเข้ามาจัดการทรัพยากรร่วมกับภาครัฐ สิทธิในการพึ่งพาประโยชน์จากป่าของชุมชน ซึ่งอาจต้องมีการแก้กฎหมายหลายฉบับ เพื่อสร้างแรงจูงให้กับชาวบ้านไม่ทำลายผืนป่า พร้อมอาสาช่วยดูแลและดับไฟป่า เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของป่าเอาไว้เป็นสมบัติชองชาติต่อไป”
น.ส.บุญตา บอกทิ้งท้ายด้วยว่า สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน เพราะการสูดดมฝุ่นละอองจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เจ็บป่วยได้ รวมถึงควรใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันการสัมผัสกับฝุ่นหรือมลพิษเข้าสู่ร่างกาย
เรื่องโดย : นายฉัตร์ชัย นกดี Team Content www.thaihealth.or.th
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต