สร้างคุณธรรมให้เด็กผ่านนิทานชุด’คุณตาป๋วย’
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แฟ้มภาพ
การบ่มเพาะให้เด็กวันนี้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีคุณภาพในวันหน้า ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องที่ผู้ใหญ่จะมีเวลาให้กับเด็ก หรือดูแลเด็กๆ อย่างใกล้ชิดเท่านั้น แต่ผู้ใหญ่จะต้องเรียนรู้ถึงพัฒนาการของช่วงชีวิตของเด็กๆ อย่างจริงจังด้วย อาทิ ต้องเข้าใจว่า เด็กในช่วงอายุ 0-6 ปี เป็นช่วงที่สมองเจริญเติบโตได้สูงสุดและช่วงอายุ 3-5 ปี เป็นช่วงของการบ่มเพาะคุณลักษณะอันสำคัญของเด็กไทย
นอกจากนี้ผู้ใหญ่ต้องมองบริบทของสภาพแวดล้อมในสังคม ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาด้วย อย่างเช่นในศตวรรษที่ 21 นี้ ต้องเข้าใจว่า เด็กที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีคุณภาพ ต้องมีทักษะ การบริหารจัดการสมองและชีวิตด้วยตัวเอง สามารถเรียนรู้ และเลือกสรรสื่อต่างๆ ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองได้
ทำให้นึกได้ว่า "นิทาน" เป็นสื่อที่ทรงพลังมากที่สุด ลงทุน คุ้มค่ามากที่สุดในการช่วยสร้างคุณลักษณะที่ดีให้แก่เด็กในวันนี้
นิทานและการ์ตูนชุด "คุณตาป๋วย" เป็นตัวเลือกตัวหนึ่งที่ คุณสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรม การอ่าน สสส. กล่าวถึงในการเสวนา "สานพลังความดีคุณตาป๋วย ถึงเด็กและเยาวชนไทย" ว่า นิทานดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นเพียงการ สร้างสุขภาวะทางปัญญาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสุขภาวะองค์รวม ที่ สสส.ได้สนับสนุน ซึ่งหากกล่าวถึงไอดอลที่พูดคุยเรื่อง สุขภาวะองค์รวมทั้งกาย ใจ สังคม ปัญญา ได้อย่างครอบคลุมที่สุด ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีคุณค่า ดังจะเห็นได้จากการที่องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประกาศยกย่องท่านให้เป็นบุคคล สำคัญของโลก และการ์ตูนในชุดนี้คือเรื่องราวชีวิตของท่าน ที่ถูก นำมาทำเป็นหนังสือนิทานการ์ตูน เพื่อให้เด็กๆ ได้รู้จัก และซึมซับคุณลักษณะโดดเด่นของท่าน
"งานเขียนชิ้นสำคัญที่แสดงถึงสุขภาวะองค์รวม ที่ทางอาจารย์เคยบรรยายไว้ในต่างประเทศ และนำมาเขียนเรียงใหม่ โดยชื่อ "จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน" เป็นเรื่องราวนับตั้งแต่สุขภาพของแม่ตั้งครรภ์ การศึกษา การมีวิชาชีพ ไม่ว่าจะอยู่ในภาคส่วนใด ทั้งภาคธุรกิจ ภาคเกษตร ฯลฯ และเรื่องราวที่เชื่อมโยงตลอดชีวิตของมนุษย์ อุดมคติที่เขียนเรื่องสุขภาพองค์รวมแบบนี้ คนรุ่นหลังควรได้เรียนรู้" ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรม การอ่าน กล่าว
คุณสุดใจ กล่าวย้ำให้ตระหนักว่า มีงานวิจัยหลายๆ ชิ้นที่สอดคล้องต้องกันว่า ถ้าเด็กๆ ได้อ่านนิทานก็จะช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษา และทางสมอง ซึ่งต้องเร่งทำตั้งแต่ปฐมวัย เพราะหากเด็กๆ ได้สัมผัสกับ นิทานภาพ จะมีผลกับการทำงานโดยตรงกับการพัฒนาสมองของเด็ก เมื่อเขาได้มองภาพที่งดงามจะดึงดูดใจ ยิ่งถ้ามีอักษรตัวน้อยๆ เร้าความสนใจได้ยิ่งทำให้เด็กลุ่มลึกและ ดิ่งไปในตัวละครที่เขาเห็นและรู้สึกประทับใจ ซึ่งเด็กๆ จะสวมตัวเอง เป็นตัวละครได้อย่างง่าย
น.ส.พุทธินันท์ ศรีเกาะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน จันทร์ประดิษฐารามวิทยาคม หรือ น้องไอซ์ ที่มาร่วมงานเปิดตัวหนังสือนิทานชุดคุณตาป๋วย เล่าให้ฟังว่า เมื่อฟังงานเสวนาเปิดตัวหนังสือจบแล้วอยากจะซื้อหนังสือนิทานมาอ่านทันที เนื่องจากเรื่องราวชีวิตของ อ.ป๋วย น่าสนใจและเมื่อนำมาแปลงเป็นนิทาน ยิ่งทำให้อ่านง่ายและน่าติดตาม
"อยากอ่านนิทานชุดนี้ค่ะ เพราะอยากรู้จักท่านมากขึ้น และนำแนวคิดที่ได้จากนิทานของท่านมาปรับใช้กับตัวเอง อยากให้น้องๆ ได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือนิทานแบบนี้บ้างเพราะนิทานทุกเรื่องแฝงความคิดและแง่คิดไปในตัว และหนังสือนิทานชุดนี้ถือว่าถูกมากด้วยค่ะ" น้องไอซ์ กล่าว
และวันนี้ ได้มีการส่งมอบหนังสือนิทานชุดคุณตาป๋วย ทั้ง 4 เรื่องให้แก่ ห้องสมุดโรงเรียนในสังกัด สำนักงานกรุงเทพมหานคร จำนวน 439 โรงเรียน ห้องสมุดเคลื่อนที่และห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ ของสำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กทม. จำนวน 43 แห่ง โรงเรียนเทศบาลในสังกัดกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ จำนวน 1,501 โรงเรียน มูลนิธิไทยรัฐเพื่อโรงเรียนไทยรัฐทั่วประเทศ จำนวน 101 โรงเรียน และกลุ่มสตรีมุสลิมอาสาสมัครเพื่อชุมชน ส่งเสริมการอ่าน จำนวน 30 ชุมชน ส่วนผู้ที่ต้องการอยากได้ เป็นเจ้าของมีการจำหน่ายหนังสือนิทานและการ์ตูนเพียงเล่มละ 20 บาท เพื่อระดมทุนเพิ่มแก่ห้องสมุดสังกัด สพฐ.และบ้านหนังสือ ในชุมชนของ กศน. กว่า 40,000 แห่ง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โครงการ 100 ปี ชาตกาล ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โทร.083-3316000
ผู้ใหญ่ที่มีความปรารถนาจะเติมเรื่องราวดีๆ ให้กับสมองของเด็ก อยากให้ลูกหลานเราเป็นอย่างไรก็ต้องเลือกสรร นิทานที่สามารถช่วยบ่มเพาะคุณลักษณะนั้นๆ ให้กับลูกหลาน ได้ค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นการพัฒนาสมองของเด็กๆ แล้วยัง เป็นการส่งเสริมการอ่านให้แก่เด็กไทยอีกด้วย