สร้างความปลอดภัยทางถนนทุกเทศกาล-ทุกวัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ 


สร้างความปลอดภัยทางถนนทุกเทศกาล-ทุกวัน thaihealth


แฟ้มภาพ


สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ได้สนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 จนถึงปัจจุบันแล้วยังคงมีนโยบายสนับสนุนต่อไปอย่างจริงจัง โดยเน้นการรณรงค์และป้องกันอุบัติเหตุตลอดทั้งปี ไม่ใช่เพียงเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่หรือสงกรานต์เท่านั้นแต่เป็นทุกเทศกาลและทุกวัน


แต่ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ถึงจะมีการรณรงค์กันพอสมควรในหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอุบัติเหตุทางถนนไม่ลดลงแล้วช่วงเทศกาลจะมีจำนวนอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าช่วงเวลาปกติถึง 2 เท่า สสส. จึงได้ใช้เป็นวาระในการรณรงค์กระตุ้นเตือนสังคมเป็นพิเศษโดยดำเนินการใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.สนับสนุนกลไกการทำงานเพื่อการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนทั้งในระดับชาติ ระดับจังหวัด และระดับพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนและท้องถิ่นให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.สนับสนุนข้อมูลวิชาการ การวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล ให้แก่ภาคีเครือข่าย หน่วยงานภาครัฐ 3.รณรงค์สังคม ผ่านเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน


นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) เปิดเผยว่าอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นโดยส่วนใหญ่แล้วความสูญเสียยังคงมาจาก "การดื่มแล้วขับ" "ขับเร็วเกินกฎหมายกำหนด" รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น "การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ" ขับรถไม่รักษากฎจราจรถ้าขับรถด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. เพียงละสายตามองหน้าจอมือถือ 2 วินาที หากเกิดการชนจะมีแรงปะทะเทียบเท่าการตกตึก13 ชั้น รวมถึง "ง่วงแล้วขับ" สสส. และภาคีเครือข่ายจึงจำเป็นต้องรณรงค์และควบคุมให้ผู้ขับขี่ลดปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ เพื่อร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้เกิดขึ้นในสังคมไทย


"มีการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุปีใหม่ 2560 โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้รวบรวมข้อมูลอุบัติเหตุที่มีผู้ได้รับรักษาตัวในโรงพยาบาล ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2559 – 4 มกราคม 2560 (7 วัน) พบอุบัติเหตุ 3,919ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีใหม่ที่ผ่านมา 540 ครั้ง (เพิ่ม 15.98%) ผู้บาดเจ็บ 4,128 รายเพิ่มขึ้น 623 ราย (เพิ่ม 17.77%) ผู้เสียชีวิต 478 รายเพิ่มขึ้น 98 ราย (เพิ่ม 25.79%) พบว่าดัชนีความรุนแรง (Severity index)มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จาก 8.96 ในปี 2551 เพิ่มเป็น 11.25 ในปี 2559 และครั้งนี้สูงถึง 12.20 (ในอุบัติเหตุ100 ครั้งมีคนตาย 12.20 คน) นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่าสัดส่วนการเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ ที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 56 เป็นร้อยละ60" นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ กล่าว


สร้างความปลอดภัยทางถนนทุกเทศกาล-ทุกวัน thaihealth


ที่ผ่านมาพบข้อมูลที่พอสรุปได้ว่าจำนวนอุบัติเหตุใหญ่ (นิยามอุบัติเหตุใหญ่คือ ตาย 2 รายหรือบาดเจ็บ 4 รายขึ้นไป)จำนวนอุบัติเหตุใหญ่ 38 ครั้งจะใกล้เคียงกับปีใหม่ที่ผ่านมาแต่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวมกันถึง 99 ราย (เฉลี่ย 2.6 คน/ครั้ง)และคิดเป็น 1 ใน 5 (ร้อยละ 20.7) ของการตายรวมในช่วง 7 วัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับอุบัติเหตุใหญ่ปีใหม่2559


นอกจากนี้ ยังมีอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับ การบรรทุกท้ายกระบะจำนวนมาก 4 ครั้งมีการเสียชีวิต 5 ราย (กรณีที่บรรทุกคนงานถึง 32 ราย) รวมทั้งรถกระบะยางระเบิด 3 ครั้งเสียชีวิตในเหตุการณ์ 7 ราย


ในส่วนที่เหลือจะเป็นการตายจากรถจักรยานยนต์ซ้อน 3 หรือ 4 คน ชนกับรถกระบะหรือรถอื่นๆ ในลักษณะต่างๆ เช่นรถกระบะแซงไม่พ้นมาชนประสานงา ชนบริเวณทางแยก โดยทั้งหมดของจักรยานยนต์จะเป็นคนในชุมชน


อาจกล่าวได้ว่าความเร็วเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตร้อยละ 37.8 อันเกิดจากความประมาททั้งด้วยเพราะความเมาและเพราะความคึกคะนอง เฉพาะที่ดื่มแล้วขับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตร้อยละ 20.3ความเร็วของผู้ขับขี่จักรยานยนต์ถึงเสียชีวิตร้อยละ 69.15 สาเหตุใหญ่ชนกับรถอื่นและมักเป็นรถกระบะแล้วก็ล้มเองผู้เสียชีวิตมักอยู่ในช่วงอายุ 20 ปี


โดยภาพรวมแล้วที่ผ่านมาอุบัติเหตุจากการขับขี่บนท้องถนนทั้งในช่วงปกติทั้งในช่วงเทศกาลทุกเทศกาลไม่ลดมีแต่เพิ่มเพราะผู้ขับขี่ไม่รักษากฎจราจรทั้งๆที่ตอนสอบใบขับขี่มีการเน้นย้ำว่านี่คือกฎหมายที่ต้องปฏิบัติเพราะมีบทลงโทษแต่เอาเข้าจริงก็มักเห็นผู้ไม่รักษากฎหมายไม่ทำตามกฎหมายที่สุดนำไปสู่ความไม่ปลอดภัย


ดังนั้นมาตรการรณรงค์ความปลอดภัยบนถนนในอนาคต นพ.ธนะพงศ์จินวงษ์ กล่าวว่า มีข้อเสนอแนะพิจารณานอกจากกระบวนการอื่นๆ ที่ดำเนินการอย่างจริงจังแล้วการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต้องทำอย่างจริงจัง เพิ่มบทบาทการจัดการในระดับพื้นที่ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมยิ่งขึ้นดำเนินการเพื่อให้เกิดการขับขี่บนท้องถนน เป็นไปอย่างถูกกฎระเบียบกฎหมายจราจรและที่สำคัญเป็นไปอย่างไม่ประมาทเป็นทางลดความเสี่ยงต่อการเกิดความสูญเสียถึงชีวิตบนถนนได้ในที่สุด

Shares:
QR Code :
QR Code