สธ. แนะวิธีป้องกันโรคผื่นคัน

ใช้ขี้ผึ้งวาสลินทาก่อนลุยน้ำ

 

          สธ.เตือน ปชช.ระวังโรคผื่นคันจากน้ำโสโครก แนะก่อนลงน้ำให้ใช้ขี้ผึ้งวาสลินทาเคลือบผิวหนังและเท้าก่อน หรือรีบล้างตัวและเท้าด้วยน้ำสะอาดหลังลุยน้ำ แล้วเช็ดให้แห้ง โดยเฉพาะตามซอกต่างๆ เช่น นิ้วมือ นิ้วเท้า

 

สธ. แนะวิธีป้องกันโรคผื่นคัน

          นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วมจนถึงขณะนี้พบว่า ผู้ประสบภัยกว่าครึ่งเป็นโรคผื่นคันและน้ำกัดเท้าจากการลุยน้ำ หรือยืนแช่น้ำที่ท่วมขังเป็นเวลานาน ทำให้หนังกำพร้าที่เท้า โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้าจะขาวซีด และเปื่อยยุ่ย เป็นช่องทางให้เชื้อโรคที่อยู่ในน้ำแทรกผ่านไปถึงผิวหนังชั้นล่าง เกิดการอักเสบ เป็นแผลได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เร่งผลิตยารักษาโรคผื่นคันและน้ำกัดเท้าเพื่อแจกจ่ายผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง

 

          อย่างไรก็ดี โรคผื่นคันและน้ำกัดเท้าสามารถป้องกันได้ ขอให้ผู้ประสบภัยหลีกเลี่ยงการแช่น้ำเป็นเวลานาน โดยเฉพาะน้ำที่สกปรกมีกลิ่นเน่าเหม็น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้และจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ให้ใช้ขี้ผึ้งมันๆ เช่น วาสลิน หรืออาจใช้ขี้ผึ้งวิทฟิลด์ที่ได้รับแจกไปให้ใช้ทาเคลือบเท้า โดยเฉพาะบริเวณง่ามเท้าก่อนลงน้ำหรือโดนน้ำ ขี้ผึ้งจะป้องกันไม่ให้น้ำซึมผ่านผิวหนัง ลดการเปียกชื้นที่ผิวหนังได้ ประการสำคัญภายหลังเดินลุยน้ำแล้ว ให้รีบล้างเท้าด้วยสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้ง แล้วเช็ดให้แห้ง และใช้แป้งฝุ่นโรยบริเวณง่ามเท้า เพื่อให้แห้งอยู่เสมอ เนื่องจากบริเวณซอกนิ้วเท้าจะเป็นจุดที่หมักหมมสิ่งสกปรกและความอับชื้นได้ดี” นพ.สุพรรณ กล่าว

 

          นพ.สุพรรณ กล่าวต่อว่า ในกรณีผู้ที่มีบาดแผลจากน้ำกัดเท้าแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการแช่ตัวและเท้าในน้ำให้มากที่สุด เพื่อให้ผิวหนังมีเวลาฟื้นตัวกลับสู่สภาวะปกติ ควรสวมรองเท้าบู๊ทหากจำเป็นต้องลุยน้ำ โดยขอให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสแหล่งน้ำขังตื้น ๆ หรือพื้นดินที่ชื้นแฉะ ซึ่งมักจะมีเชื้อโรคฉี่หนูปนเปื้อนอยู่ เชื้อสามารถไชเข้าทางบาดแผลได้ หากผิวหนังตามร่างกายโดยเฉพาะเท้าที่มีบาดแผล เปียกน้ำ ขอให้รีบล้างตัวและเท้าด้วยน้ำสะอาด และเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด แล้วล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าบาดแผล จากนั้นให้ทาครีมรักษาโรคผื่นคันและน้ำกัดเท้า วันละ 2 ครั้ง จนกว่าจะหาย หรืออาจใช้ยาโพวิโดนที่อยู่ในยาชุดน้ำท่วมทาแผลก็ได้

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ

 

 

 

 

Update : 01-11-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร

 

Shares:
QR Code :
QR Code