สธ.เฝ้าระวังมาลาเรียดื้อยา แนะกินยารักษาต่อเนื่องจนครบ
กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรค ร่วมประชุมกับประเทศลุ่มน้ำโขงและองค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับความร่วมมือในการกำจัดการแพร่ระบาดของมาลาเรียดื้อยา
ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรค ร่วมประชุมกับประเทศลุ่มน้ำโขงและองค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับความร่วมมือในการกำจัดการแพร่ระบาดของมาลาเรียดื้อยา เนื่องในโอกาสวันมาลาเรียโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 25 เมษายน 2556 องค์การอนามัยโลกได้จัดประชุมเกี่ยวกับโรคมาลาเรีย ในหัวข้อ “การตอบโต้ฉุกเฉินเชื้อมาลาเรียดื้อยากลุ่มอาร์ติมิซินินในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (emergency response to artemisinin resistance in the greater mekong sub region) ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล พนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยมีมกุฎราชกุมารี แห่งเบลเยี่ยม เสด็จเป็นประธานเปิดการประชุม
ดร.นายแพทย์พรเทพ กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์มาลาเรียดื้อยาในประเทศไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันประเทศไทยได้เปลี่ยนขนานยารักษามาลาเรียมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากประสิทธิภาพของยารักษามาลาเรียขนานเดิมลดลงโดยยารักษามาลาเรียขนาน ที่ใช้ในปัจจุบัน คือ อาร์ติซูเนต กับ เมโฟควิน ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียชนิดฟัลซิพารัม และจากการประเมินประสิทธิภาพยาดังกล่าวในจังหวัดชายแดน ระหว่างปี 2554-2555 พบว่าประสิทธิภาพของยารักษามาลาเรียขนานที่ใช้ในปัจจุบันในบางพื้นที่ลดลงจากเดิม สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตระหนักว่า มาลาเรียดื้อยาเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าเชื้อมาลาเรียดื้อยาแล้ว ยาที่มีอยู่ไม่สามารถใช้รักษาโรคนี้ได้ จะทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเป็นมาลาเรียรุนแรงมากขึ้น และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
นอกจากผู้ปฏิบัติงานต้องให้ความสำคัญกับมาลาเรียดื้อยาแล้วประชาชนก็สามารถป้องกันมาลาเรียดื้อยาได้ โดยหลีกเลี่ยงการป่วยเป็นโรคมาลาเรีย ซึ่งสามารถปฏิบัติตัวได้ดังนี้ 1.ไม่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อมาลาเรีย โดยแหล่งระบาดของโรคนี้จะอยู่ตามจังหวัดชายแดน โดยเฉพาะบริเวณภูเขาสูง เป็นป่า มีลำธาร 2.ถ้าจำเป็นต้องเข้าในพื้นที่เสี่ยง ต้องป้องกันไม่ให้ยุงกัด ด้วยการสวมเสื้อผ้า ปกปิดร่างกายมิดชิด ทายากันยุง จุดยากันยุงไล่ยุง นอนในมุ้งชุบสารเคมี ซึ่งมุ้งนี้ไม่เป็นอันตรายต่อคน 3.หากป่วยเป็นไข้มาลาเรีย ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังถูกยุงก้นปล่องกัด ผู้ป่วยจะมีอาการ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บางรายมีอาการหนาวสั่น สลับมีเหงื่อออก ต้องรีบไปมาลาเรียคลินิก หรือไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพร้อมแจ้งประวัติการเข้าป่า เพื่อได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องโดยการตรวจเลือดหาเชื้อมาลาเรีย และรับการรักษาต่อไป การรับประทานยาให้ครบ เป็นการป้องกันมาลาเรียดื้อยาที่จำเป็นที่สุด บางพื้นที่ผู้ป่วยต้องกินยาต่อหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกวันเป็นเวลา 3 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยกินยาครบ
หากประชาชนสงสัยอาการของโรคมาลาเรีย สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทร 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทร 0 2590 3333” ดร.นายแพทย์พรเทพ กล่าวปิดท้าย
ที่มา : สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข