สธ. เตือน “ยิ่งดื่ม ก็ยิ่งอ้วน”
ยึดหลัก 3 อ. งดแอลกอฮอล์ สร้างสุขภาพดี
ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายรณรงค์ให้คนไทยงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี กรมอนามัยในฐานะองค์กรด้านการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมของประเทศ จึงเห็นความสำคัญและสนับสนุนให้ประชาชนหันมาบริโภคอาหารที่มีประโยชน์แทนการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายแต่ไม่มีคุณค่าทางอาหารและเป็นพลังงานสูญเปล่า แถมการดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่มักมีกับแกล้มที่เป็นอาหารประเภทมัน ทอด ร่วมด้วย จึงทำให้ผู้ดื่มต้องออกกำลังกายเพื่อผลาญพลังงานเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวเลขปริมาณแอลกอฮอล์ที่จะให้พลังงานเป็นจำนวนเท่าใดและส่งผลให้เกิดโรคอ้วน บวมฉุ และโรคต่างๆ จากรายงานของกรมอนามัยระบุว่า แอลกอฮอล์ 1 กรัมจะให้พลังงาน 7 กิโลแคลอรี ดังนั้ หากดื่มเบียร์ 1 กระป๋อง ขนาด 350 มิลลิลิตร จะได้รับพลังงาน 137 แคลอรี และต้องออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว 1 ชั่วโมง จึงจะเผาผลาญพลังงานได้หมด
แต่หากดื่มไวน์ 1 แก้ว ขนาด 100 มิลลิลิตร ให้พลังงาน 75 แคลอรี หรือวิสกี้ 1 ฝา ขนาด 30 มิลลิลิตร ให้พลังงาน 70 แคลอรี หรือดื่มเหล้าขาว 28 ดีกรี 1 ถ้วย ขนาด 50 มิลลิลิตร ให้พลังงาน 37 แคลอรี ก็ต้องออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานเช่นเดียวกัน โดยสามารถเลือกวิธีการออกกำลังกายได้หลากหลายรูปแบบ อทิ จ๊อกกิ้ง 30 นาที หากเป็นวิ่งเร็วก็ไม่ควรน้อยกว่า 20 นาที การว่ายน้ำเร็วๆ 25 นาที หรือเลือกที่จะปั่นจักรยานเร็วๆ 30 นาที ก็จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานที่ได้รับจากแอลกอฮอล์ได้ดีขึ้น
ส่วนผลเสียของการดี่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานที่ไม่มีคุณค่าอาหารเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่อปัญหาการเกิดโรคติดต่อเรื้อรังตามมาอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคตับแข็ง โรคไขมันในเลือดสูง และโรคพิษสุราเรื้อรัง โดยเฉพาะปัญหาโรคอ้วนที่กำลังเป็นปัญหาสาธารณสุข
กรมอนามัยได้เร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจังด้วยการสนับสนุนให้ผู้ชายที่มีเส้นรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตร และผู้หญิงที่เกิน 80 เซนติเมตรได้เกิดความตระหนักที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินด้วยการควบคุมอาหารให้พอเหมาะกับความต้องการใช้พลังงาน ลดอาหารประเภทไขมัน เนย แป้ง น้ำตาล และอาหารแปรรูป รวมทั้งงดหรือลดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ให้เพิ่มอาหารประเภทผักและผลไม้รสไม่หวานให้มากขึ้นในการบริโภคอาหารในแต่ละมื้อรวมทั้งออกกำลังกายแบบต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 45 นาที และมีการออกกำลังกายให้บ่อยวันมกที่สุดไม่ควรน้อยกว่า 5 วันต่อสัปดาห์
โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ไม่ควรทดลองหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะนอกจากจะทำให้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปถึงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อาจก่อให้เกิดการเสี่ยงต่อการทะเลาะวิวท และทำให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น
ดังนั้นการสร้างสุขภาพดีในระยะยาวและไม่เสี่ยงต่อปัญหาภาวะอ้วนลงพุงที่จะตามมา ควรเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และลดหรืองดดื่มเครื่องดี่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งให้ยึดหลักการปฏิบัติตัวตามหลัก 3 อ. ได้แก่ 1.อาหาร คือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการควบคุมอาหารให้พอเหมาะกับความต้องการใช้พลังงาน โดยควรลดของหวาน มัน เครื่องดื่มรสหวาน และแอลกอฮอล์ เพิ่มอาหารประเภทผักและผลไม้รสไม่หวานให้มากขึ้นในการบริโภคอาหารในแต่ละมื้อ 2.ออกกำลังกาย ควรมีการออกกำลังกายแบบต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 45 นาที และมีกรออกกำลังกายให้บ่อยวันมากที่สุดไม่ควรน้อยกว่า 5 วันต่อสัปดาห์ และ 3.อารมณ์ ทำอรมณ์ให้แจ่มใส ข่มใจไม่ให้กินในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นต่อร่างกาย และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
update: 25-07-51