ที่มา :  ข่าวสด

แฟ้มภาพ

สธ.โคราชเตือนปชช.ทาโคลนผุดเสี่ยงโรคฉี่หนู-โรคผิวหนังหลังแห่กันไปกรอกใส่ขวดเอากลับบ้าน เชื่อรักษาโรคปวดเมื่อย ทาหน้าขาวใส บางคนนำน้ำไปดื่มและกราบไหว้บูชาว่าเป็นสิริมงคล สธ.ชี้ดินในทุ่งนามีสารเคมีตกค้าง นำพอกตัวพอกหน้าอาจทำให้เชื้อโรคแทรกซึมเข้าผิวหนัง ผู้ใหญ่บ้านห้าม ระบุให้รอผลตรวจของนักธรณีวิทยาก่อน ส่วนใหญ่ไม่เชื่อฟัง 

จากกรณีที่ชาวบ้านบ้านหนองกุงน้อย หมู่ 10 ต.โคกกระเบื้อง อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา และชาวบ้านใน จ.ชัยภูมิ พากันนำเอาขวดมาบรรจุโคลนที่ผุดขึ้นบริเวณกลางทุ่งนาเพื่อนำไปพอกตัว รักษาโรคปวดเมื่อย และนำไปพอกหน้าเพื่อให้ใบหน้าขาวใส ตามความเชื่อว่าเป็นโคลนวิเศษ รักษาโรคต่างๆ ได้ ขณะที่บางคนนำโคลนไปกราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 12 ก.พ. นายจอมพล วอนอก อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองกุงน้อย เปิดเผยถึงการแจ้งเตือนชาวบ้านหลังจากนักธรณีวิทยานำโคลนจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจเพื่อหาสารปนเปื้อนว่า ขณะนี้ผลตรวจยังไม่ออก และยังไม่ทราบว่าโคลนนั้นมีอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ จึงห้ามไม่ให้ชาวบ้านนำโคลนไป แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ยอมเชื่อฟัง ยังคงนำโคลนไปพอกตัวและพอกหน้า บางคนกรอกน้ำที่อยู่ตามแอ่งน้ำติดกับพื้นที่ที่โคลนผุดขึ้นมาใส่ขวดนำไปบูชาและดื่มกินรักษาโรค ตามความเชื่อ

วันเดียวกัน นายอำเภอบ้านเหลื่อม พร้อมด้วยนายอำนวย เนียมหมื่นไวย์ สาธารณสุขอำเภอบ้านเหลื่อม ได้ออกมาเตือนชาวบ้านด้วยว่า การกระทำดังกล่าวเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคฉี่หนู โรคผิวหนัง เนื่องจากความเป็น กรดเป็นด่างของดิน ในทุ่งนาที่ตกค้างจากสารเคมี เมื่อนำไปพอกตัว พอกหน้า อาจจะส่งผลทำให้เชื้อโรคแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังทางบาดแผลได้ จึงไม่ควรนำไปใช้ อาจจะส่งผลทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ

ในวันที่ 15 ก.พ. ประชาชนจำนวนมากเตรียมเดินทางไปบริเวณที่มีโคลนผุดกลางทุ่งนาบ้านหนองกุงน้อย เพื่อร่วมพิธีบวงสรวงและบายศรีสู่ขวัญของหมอทรง รวมทั้งชาวบ้านได้จ้างหมอลำกลอนมาลำแก้บน โดยชาวบ้านเชื่อว่าบริเวณที่มีโคลนผุดเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ มีเจ้าเมืองบาดาลอาศัยอยู่ ทางอำเภอบ้านเหลื่อมจึงได้จัดเตรียมกำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อพปร.) กว่า 30 นาย มาดูแลความปลอดภัยให้กับชาวบ้านที่จะมาร่วมพีธีด้วย