สธ.ห่วงยอดผู้ป่วยเบาหวาน-ไตพุ่ง แนะเปลี่ยนนิสัยการกิน
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม 5 จังหวัดอีสาน ได้แก่ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร มุกดาหาร และศรีสะเกษ พบประชาชนมีแนวโน้มป่วยเป็นนิ่วในไตประมาณ 3 หมื่นคน และป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง 3,000 กว่าคน เตือนหากป่วยพร้อมกัน 2 โรคทั้งเบาหวาน และความดันโลหิตสูง จะทำให้เป็นไตวายเรื้อรังเร็วขึ้น
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมราชการที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ เพื่อติดตามความคืบหน้าของการร่วมจัดบริการรักษาพยาบาล ดูแลสุขภาพและลดปัญหาการเจ็บป่วยของประชาชนของสถานบริการในสังกัดทุกระดับที่อยู่ในเขตบริการสุขภาพที่ 10 ซึ่งประกอบด้วย 5 จังหวัดได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และมุกดาหาร ว่า พบประชาชนป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายทั้ง 5 จังหวัดมี 3,000 กว่าคน โดยร้อยละ 30 ต้องใช้การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ที่เหลือฟอกทางหน้าท้อง และยังมีผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายรายใหม่เพิ่มปีละกว่า 100 ราย สาเหตุที่ทำให้ประชาชนป่วยเป็นโรคดังกล่าวมาก เกิดมาจากโรคเบาหวานมากเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือโรคความดันโลหิตสูง และไตอักเสบจากโรคนิ่ว ซึ่งหากประชาชนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน 2 โรคพร้อมกัน จะทำให้เกิดไตวายเรื้อรังได้เร็วกว่าป่วยเป็นโรคเดียว เนื่องจากทั้ง 2 โรคนี้ทำให้หลอดเลือดไปเลี้ยงไตเสื่อม และจากผลการสำรวจล่าสุดในปี 2555 ทั่วประเทศ พบประชาชนป่วยเป็นทั้งโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ประมาณ 6 แสนคน คาดว่าแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากผู้ป่วยไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพคือ ลดกินเค็ม ลดกินหวาน และอาหารมัน รวมทั้งการออกกำลังกายอย่างน้อยวันละไม่ต่ำกว่า 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน ตามคำแนะนำของแพทย์
ทั้งนี้ จากการตรวจคัดกรองนิ่วประชาชนในเขตสุขภาพที่ 10 จำนวน 1.3 ล้านคน พบไตทำงานผิดปกติเบื้องต้น จำนวน 30,000 คน คิดเป็นร้อยละ 2.5 ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากการทำอาชีพที่เสียเหงื่อมาก เช่น ทำงานกลางแจ้ง ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ไตทำงานหนักขึ้น รวมทั้งการกินอาหารที่มีสารอ็อกซาเลตมาก เช่น ผักติ้ว ผักกระโดน และจากพันธุกรรมที่มีภาวะสารแม็กนีเซียมในร่างกายต่ำมาก่อน ดังน้ันจึงต้องเร่งหาทางป้องกันไม่ให้เป็นโรคไตวายเรื้อรัง โดยจะประสานกับทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และอสม.รณรงค์ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนต่อไป
ที่มา : เว็บไซด์กระทรวงสาธารณสุข