สธ.ชี้วัยรุ่นไทยแนวโน้มเป็นเอดส์สูง
เน้นโรงเรียนจัดการเรียนรู้เรื่องเพศและเอดส์
กระทรวงสาธารณสุข เผยผู้ป่วยโรคเอดส์กว่า 30,000 ราย เป็นวัยรุ่น และมีแนวโน้มสูงขึ้น เหตุจากพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ พบมีคู่นอนตั้งแต่อายุน้อย เปลี่ยนคู่นอนบ่อยและไม่ป้องกัน เร่งแก้ไขโดยให้โรงเรียนจัดกระบวนการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาและเอดส์ในสถานศึกษา
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากรายงานของสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2551 ประเทศไทยมีผู้ป่วยเอดส์ จำนวน 345,196 ราย เสียชีวิต 93,034 ราย ผู้ป่วยประมาณ 9% มีอายุระหว่าง 15-24 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดย 84% ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
นอกจากนี้ ยังพบว่าเยาวชนมีอายุเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกลดลง และมีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ อาทิเช่น ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับคู่รักไม่ถึง 30% และมีคู่นอนหลายคน โดยมีเยาวชนเพียง 39.5% เท่านั้น ที่มีความเข้าใจเรื่องเอดส์ และสามารถบอกวิธีป้องกันได้อย่างถูกต้อง
แพทย์หญิงพัชรา ศิริวงศ์รังสรร ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กล่าวว่า สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา ได้ทำโครงการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเอดส์ในพื้นที่ โดยจัดอบรมผู้ที่จะให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาในโรงเรียน จากนั้นจึงอบรมครู และจัดเรื่องเพศศึกษาเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนในสถานศึกษา พร้อมทั้งจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และสร้างความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาให้กับผู้ปกครอง และขยายผลไปยังสถานศึกษาอื่น ปัจจุบันมีโรงเรียนในพื้นที่รับผิดชอบเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 79 แห่ง เป็นบุรีรัมย์ 18 แห่ง ชัยภูมิ 18 แห่ง นครราชสีมา 26 แห่ง และสุรินทร์ 17 แห่ง
สำหรับโรงเรียนบำเหน็จณรงค์พิทยาคม จังหวัดชัยภูมิ เป็นโรงเรียนในโครงการสอนเพศศึกษาปี 2550 ซึ่งผู้บริหารโรงเรียนได้เห็นความสำคัญในการจัดการเรียนรู้เรื่องเอดส์ และเพศศึกษาในโรงเรียน นักเรียนได้เรียนรู้จากคาบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 16 คาบต่อปี นอกจากนี้ ยังมีการตั้งชุมนุม “เปิดใจวัยทีน” ทำสื่อสิ่งพิมพ์ และชมรม “วัยรุ่นยุคใหม่ใส่ใจเรื่องเพศ” เป็นวิทยากรน้อยและจัดเสียงตามสาย
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
update:10-02-52