สธ.กาญจน์แนะวิธีป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น

เลี่ยงคลุกคลีผู้ป่วย ล้างมือบ่อยๆ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง

 

สธ.กาญจน์แนะวิธีป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น 

          เตือนชะล่าใจไม่ป้องกันมีสิทธิตาย! ชี้เชื้อแพร่กระจายฟุ้งทางอากาศได้

 

          นพ.บุญนำ ชัยวิสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า โรคไข้กาฬหลังแอ่น หรือโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ นิสซีเรีย มินิงไจติคิส (neisseria meningitides) เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดเฉียบพลันและเป็นโรคประจำถิ่นในเขตร้อน มีการระบาดอยู่เกือบทั่วโลก ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคนี้ประปรายตลอดทั้งปี โดยในปี 2551 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ปัจจุบัน มีผู้ป่วย 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย สำหรับสถานการณ์โรคไข้กาฬหลังแอ่นในจังหวัดกาญจนบุรี พบว่าในปี 2547 มีผู้ป่วย จำนวน 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย ในปี 2548 มีผู้ป่วย 4 ราย สัญชาติไทย 2 ราย พม่า 2 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ปี 2550 มีผู้ป่วย 1 ราย เสียชีวิต และปี 2551 ไม่มีรายงาน ผู้ป่วยโรคไข้กาฬหลังแอ่น การติดต่อโรคนี้โดยเชื้อจะแพร่จากผู้ป่วยและผู้ที่เป็นพาหะโดยการไอหรือจาม ละอองน้ำมูกน้ำลายจะปลิวลอยแขวนไปในอากาศ ดังนั้นหากไปอยู่ในที่แออัดอาจติดเชื้อโรคนี้ได้

 

          นพ.บุญนำ ชัยวิสุทธิ์ กล่าวว่า ลักษณะอาการของโรคไข้กาฬหลังแอ่น คือ อาการไข้สูง ปวดศีรษะมากอ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บคอ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ และมีผื่นเลือดออกใต้ผิวหนังเป็นจุดแดงตามตัว แขน ขา หรือเป็นจ้ำเลือดสีคล้ำ ควรรีบมาพบแพทย์ เพราะถ้าผู้ป่วยมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ คอแข็ง ในรายที่รุนแรงผู้ป่วยจะซึม ชัก ช็อก อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 24 ชั่วโมง ดังนั้น การให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโรค   ไข้กาฬหลังแอ่น การติดต่อ และการป้องกันโรคอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ ประชาชนมีพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นที่ถูกต้องได้ การป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นที่สำคัญ ประชาชนหรือผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับละออง หรือ สารคัดหลั่งจากปากและจมูกของผู้ป่วย

 

โดยปฏิบัติดังนี้ 1. หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยหรือผู้เป็นพาหะ 2. ไม่ใช้แก้วน้ำ ช้อน และสิ่งของอื่นร่วมกัน และควรใช้ช้อนกลางเมื่อรับประทานอาหารร่วมกัน 3. ล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะภายหลังสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลาย 4. ควรหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปอยู่ในสถานที่แออัดที่มีผู้คนหนาแน่น อากาศถ่ายเทไม่สะดวกเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้มีโอกาสรับเชื้อจากผู้ที่เป็นพาหะได้ง่าย โดยเฉพาะสถานที่แออัด เช่น ในโรงทหาร สถานศึกษา โรงเรียน ที่พักแรมและในเรือ 5. ควรจะรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงบุหรี่ สุรา รวมทั้งความเครียด ซึ่งจะทำให้ร่างกายอ่อนแอและภูมิต้านทานโรคต่ำ 6. การใช้วัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นขณะนี้ มีกรุ๊ป เอ,บี,ซี,วาย และดับเบิ้ลยู 135 แต่โรคนี้ในประเทศไทยส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อกรุ๊ปบี ดังนั้นจึงมักใช้วัคซีนโรคนี้สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยต้องรับวัคซีนไม่น้อยกว่า 10 วันก่อนออกเดินทาง.

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

update: 28-10-51  

Shares:
QR Code :
QR Code