สงกรานต์สนุกปลอดภัยไม่มีเหล้า
เผยขยายพื้นที่ปลอดเหล้าเพิ่ม 27 จังหวัด
เอแบค เปิดโพลล์วันสงกรานต์ คนไทย 78.2% ขอพร อยากเห็นประเทศชาติสงบสุข อึ้ง 1 ใน 4 ไม่อยากเฉลิมฉลอง เผยปี 52 เจอทั้งวิวาท มึนเมา เกือบ 90% ขอพื้นที่สงกรานต์สนุก-ปลอดภัย ไม่มีเหล้า ไร้ชกต่อย เลิกลวนลาม สสส.-สคล. ผนึกเครือข่าย รุกขยาย “วัฒนธรรมสร้างสุข สงกรานต์ปลอดภัย สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์ ” เปิดมหัศจรรย์ถนน 9 ข้าว เพิ่มพื้นที่ปลอดภัยอีก 27 จังหวัด
ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ร่วมกับ สสส. จัดแถลง “วัฒนธรรมสร้างสุข สงกรานต์ปลอดภัย สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์ ปี 2553” โดย รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผอ.สำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สสส. กล่าวว่า ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ร่วมกับ สคล. และ สสส. “สำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ ปี 2553” ในประชาชนเขตกรุงเทพฯ 1,271 ราย อายุ 12-60 ปี ช่วงวันที่ 31 มี.ค.-2 เม.ย. ที่ผ่านมา เมื่อสอบถามความเห็นถึงการเล่นน้ำสงกรานต์ปี 2552 กลุ่มตัวอย่าง 61% เล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งสถานที่ที่ไปมากที่สุดคือ ตรอกข้าวสาร สนามหลวง สีลม รองลงมาคือ พัทยา บางแสน เชียงใหม่
“แต่ในปีนี้มีประชาชนตั้งใจจะเล่นน้ำสงกรานต์เพียง 36.7% อีก 28.1% ระบุว่าจะไม่เล่น ขณะที่ 35.2% ยังไม่แน่ใจ ส่วนสถานที่ที่จะไปยังเหมือนในปี 2552 เมื่อถามว่าอยากไปที่ไหนมากที่สุดหากเลือกได้อันดับหนึ่งคือจังหวัดเชียงใหม่ และในโอกาสปีใหม่ไทยปีนี้ พรที่คนไทยอยากขอมากที่สุดไม่ใช่ขอให้ตัวเองหรือครอบครัว แต่ 78.2% ขอให้ประเทศชาติสงบสุข 13.8% ต้องการมีสุขภาพแข็งแรง 5.9% ขอให้ร่ำรวย เมื่อถามถึงระดับความรุนแรงในการเล่นน้ำปี 2552 มีเพียง 22.9% ที่ระบุว่า รุนแรงน้อยถึงไม่รุนแรง โดยปัญหาที่พบคือ 1. วิวาท ยกพวกตีกัน 44.2% 2. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มั่วสุมมอมเมา 35.3% 3.อุบัติเหตุบนถนน 25.5%” รศ.ดร.วิลาสินี กล่าว
รศ.ดร.วิลาสินี กล่าวอีกว่า กลุ่มตัวอย่าง 13.0% เชื่อว่าในปี 2553 พฤติกรรมการเล่นสงกรานต์ของคนไทยจะดีกว่าปี 2552 แต่ 10.6% เห็นว่าจะแย่กว่าเดิม เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ตามด้วยวัยรุ่นมีพฤติกรรมที่เสี่ยงมากขึ้น ซึ่ง 87.8% อยากให้สนับสนุนเขตเล่นน้ำสงกรานต์สนุกสนานปลอดภัย โดยระบุว่าพื้นที่สนุกสนานปลอดภัยคือ 72.9 % ต้องไม่มีคนเมา 72.5% ไม่มีการลวนลาม อนาจาร โคโยตี้ 71% ไม่มีเรื่องชกต่อยทะเลาะวิวาท โดย 43.6 % ต้องการให้จัดระเบียบการเล่นสงกรานต์ อาทิ แต่งกายเหมาะสม ห้ามเล่นน้ำรุนแรง ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ 61.2% เห็นว่าหน้าบ้านตัวเอง เป็นพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ที่ปลอดภัยที่สุด
รศ.ดร.วิลาสินี กล่าวด้วยว่า เหตุผลที่กลุ่มตัวอย่างอยากไปเที่ยวสงกรานต์ในจังหวัดต่างๆ 3 อันดับแรกคือ ชื่นชมศิลปวัฒนธรรม พื้นที่สนุกสนาน ปลอดภัย ซึ่งผลสำรวจทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าคนไทยต้องการเที่ยวสงกรานต์อย่างสนุกสนาน ปลอดภัย สอดคล้องกับกิจกรรมที่ภาคีเครือข่ายร่วมกันจัดโซนนิ่งสถานที่ปลอดภัยน่าเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ภายใต้คำขวัญ “วัฒนธรรมสร้างสุข สงกรานต์ปลอดภัย สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์ ปี 2553” วันที่ 12-15 เม.ย. ขยายพื้นที่ปลอดเหล้าเพิ่มจากปีที่ผ่านมาเป็น 27 จังหวัด อาทิ มหัศจรรย์ 9 ถนนข้าวชื่อดัง สร้างพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัย และคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม โดยไม่พึ่งแอลกอฮอล์ก็สนุกได้ ที่สำคัญไม่ทำให้สงกรานต์กลายเป็นการ “สาดเลือดแทนการสาดน้ำ” ที่มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ กิจกรรมครั้งนี้จะมีเยาวชนเข้าร่วมกว่า 7 พันคน
นายวัลลภ วรรณปะเถาว์ รองนายกเทศมนตรี จ.มหาสารคาม กล่าวว่า จุดเด่นสงกรานต์ปีนี้ จ.มหาสารคาม ใช้ชื่อว่า “ถนนข้าวเม่า ผู้เฒ่าแสนปี” เน้นกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุจาก 30 ชุมชน ชุมชนละ 70-80 คน รวมอายุผู้เฒ่าที่มาได้เกือบ 1 แสนปี เป็นกิจกรรมที่ทำค่อนข้างยาก จึงเป็นโอกาสดีให้ลูกหลานร่วมขอพร และจัดทำ “ข้าวเม่าถาดใหญ่ยักษ์” สัญลักษณ์ของชื่อถนน เลี้ยงคนที่เข้ามาเที่ยว นอกจากนี้เทศบาลได้รณรงค์สร้างความเข้าใจการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ความคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551โดยใช้หอกระจายข่าวประชาคม วิทยุชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรณรงค์สงกรานต์ปลอดเหล้า ตาม 4 แนวคิด คือ 1. เห็นด้วย 2. ลงมือทำ 3. ทำให้ได้ และ4.บอกต่อคนอื่นได้
นายทัศนัย บุรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า กิจกรรมในพื้นที่หลัก คือ กวดขันในเรื่องการแต่งกาย ความประพฤติ เนื่องจากพื้นที่รอบคูเมือง เป็นสวนสาธารณะ เป็นเขตห้ามดื่ม ห้ามขาย ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ ตำรวจ อภปร. เทศกิจ ออกตรวจตราความเรียบร้อย และนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ เข้ามารณรงค์ไปกับนักท่องเที่ยว เพื่อทำความเข้าใจเรื่องการขอความร่วมมือ สำหรับพื้นที่ที่ทำโซนนิ่งปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 100% ตลอดเส้นทางซึ่งมีระยะทาง 300-400 เมตร
ที่มา : สำนักข่าว สสส.
Update 05-04-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่