ศิลปะ”พระมหาชนก”เสริมจินตนาการผู้พิการทางสายตา
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
แฟ้มภาพ
"พระมหาชนก" เป็นหนึ่งในทศชาติ ชาดกที่เป็น 10 ชาติสุดท้ายก่อนที่พระ โพธิสัตว์จะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งคนปกติทั่วไปสามารถเรียนรู้และเข้าถึงเรื่องราวเหล่านี้ได้จากสื่อต่างๆ อย่างสะดวก แต่สำหรับผู้พิการทางสายตามีเพียงการได้ยิน การสัมผัสและจินตนาการเท่านั้นที่จะรับรู้ได้
"โครงการพระมหาชนก เพื่อผู้พิการทางสายตา" เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ บริษัท ปันฝัน ปันยิ้ม จำกัด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาลัยเพาะช่าง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางสายตาได้เรียนรู้และเข้าถึงหลักการดำเนินชีวิตในด้านความเพียรและปัญญาจากทศชาติชาดกเรื่อง "พระมหาชนก" เช่นเดียวกับคนปกติทั่วไป นอกจากนั้นยังให้คนทั่วไปได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้และเข้าใจ ผู้พิการทางสายตามากขึ้นด้วยการปิดตาสัมผัสงานศิลปะ ผ่านนิทรรศการประติมา กรรมกำแพงปูนปั้น และการ์ตูนอนิเมชั่น
ดร.ณัฐพงศ์ โมกขพันธ์ ผู้อำนวยการ บริษัท ปันฝัน ปันยิ้ม จำกัด บอกเล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์โครงการในครั้งนี้ว่า เกิดจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเน้นย้ำให้คนไทยมีความเมตตาและปรารถนาดีต่อกัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความพร้อมเพรียงขึ้นในชาติบ้านเมือง ถ้าคนไทยมีคุณธรรมข้อนี้ประจำอยู่ในจิตใจ ก็จะมีความหวังได้ว่าบ้านเมืองไทยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ก็จะอยู่รอดปลอดภัย และธำรงมั่นคงได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอนโดยผลงานประติมากรรมที่นำมาจัดแสดงเป็นกำแพงปูนปั้นภาพนูนต่ำ 3 ชิ้น แบ่งออกเป็น 3 ตอน ได้แก่ กำเนิด ความเพียร และปัญญา เพื่อให้ผู้พิการทางสายตาเข้าถึงเรื่องราวของพระมหาชนกชาดก ผ่านการสัมผัสด้วยมือ และจินตนาการไปพร้อมๆ กับเสียงของสื่อมัลติมีเดียในรูปแบบการ์ตูนอนิเมชั่น นอกจากนั้นภายในงานยังมียังมีกิจกรรม "ปั้นดินให้เป็นเธอ" โดยให้น้องๆ ได้ถ่ายทอดจินตนาการผ่านการปั้นดินน้ำมัน หลังจากได้รับฟังและสัมผัสประติมากรรมปูนปั้น เพื่อให้เข้าถึงการรับรู้และเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่
นายเจิดศิลป์ สุขุมินท ครูศิลปะ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพบอกว่า งานศิลปะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เด็กๆ ได้ผ่อนคลาย ทำให้เขากล้าแสดงออก และได้ทดลองโดยไม่ต้องอิงถึงเหตุผล กล้าคิดกล้าตัดสินใจกับสิ่งของที่อยู่ตรงหน้า ได้ออกแบบความคิดตามจินตนาการอย่างอิสระ เด็กบางคนไม่กล้าแสดงออกแต่เมื่อได้ลองทำงานศิลปะ ทั้งการปั้นดินน้ำมัน เล่นดนตรี วาดภาพ ระบายสี ก็สามารถทำให้เขากล้าที่จะแสดงออกมากขึ้น ศิลปะนอกจากจะช่วยสร้างจินตนาการแล้ว ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้กับเด็กๆ อีกด้วย ซึ่งนิทรรศการพระมหาชนก เป็นการเปิดโอกาสให้กับน้องๆ ผู้พิการทางสายตาได้สัมผัสสื่อที่หลากหลาย แล้วนำมาร้อยเรียงความรู้และจินตนาการ
เด็กชายอำนาจ ศรีสังข์ หรือ น้องอู๊ด วัย 14 ปี โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพมหานคร บอกเล่าความรู้สึกหลังจากได้สัมผัสประติมากรรมปูนปั้นเรื่อง พระมหาชนกว่า "ผมเลือกปั้นดินน้ำมันเป็นรูปคนถือดาบ เพราะในประติมากรรมปูนปั้นพระมหาชนกมีตอนรบกัน มันน่าสนุกและท้าทายดี ซึ่งการได้มาสัมผัสเรื่องราวเหล่านี้ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากจะปั้นได้แบบนั้นบ้าง เพราะชอบงานศิลปะอยู่แล้ว และยังทำให้ผมเข้าใจในจินตนาการเรื่องราวของพระมหาชนกได้สมบูรณ์มากขึ้น โดยจะนำคติเรื่องความเพียรพยายามของพระมหาชนกมาเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตและฝึกฝนงานศิลปะในการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ"
การจัดโครงการในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางสายตาได้เรียนรู้เรื่องราวของพระมหาชนกผ่านการสัมผัสและจินตนาการแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและคติในด้านความเพียรพยายามและสติปัญญาให้ผู้เข้าชมได้นำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต อีกด้วย