ศรีสะเกษชู ‘งดเหล้าเข้ากระดูกดำ’ ในงานบุญบั้งไฟประจำปี 54

จังหวัดศรีสะเกษ ถือเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน ที่มีการจัดงานบุญประเพณีตามฮีตสิบสอง  ซึ่งเป็นบุญประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณของคนอีสาน และในช่วงนี้เอง คือ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน–พฤษภาคม เป็นช่วงที่จะมีการทำนาทำไร่  และแน่นอน เป็นเรื่องที่ต้องพึ่งพาน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องของฝนฟ้าอากาศ ที่อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของมนุษย์ จึงจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์ หรือพลังเหนือธรรมชาติ  ในการขอน้ำขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล 

ศรีสะเกษชู 'งดเหล้าเข้ากระดูกดำ' ในงานบุญบั้งไฟประจำปี 54หนึ่งในพิธีกรรมเหล่านั้นที่เราคุ้นเคยกันดี และถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานมาก คือ ประเพณีบุญบั้งไฟ  ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการที่มนุษย์ใช้ เพื่อขอน้ำขอฝนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน แต่อุปกรณ์และวิธีการปฏิบัติในงานบุญนี้ เป็นวิธีการที่แปลกแตกต่างจากงานบุญอื่นๆ คือ แทนที่จะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนพอใจ 

แต่กลับเป็นการทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนพิโรธ ไม่พอใจ เพื่อที่ท่านจะทำให้เกิดอาเพศ เกิดฝนตกฟ้าร้อง ด้วยการแห่สิ่งที่ดูเหมือนเป็นสิ่งอัปมงคลในขบวนแห่ เช่น สัญลักษณ์เรื่องของเพศหญิงเพศชาย มีความสัมพันธ์กัน และเรื่องที่ไม่น่าดูต่างๆ เป็นต้น เพื่อให้เทวดาพิโรธ นั่นก็เป็นวิธีการของมนุษย์ที่ต้องการที่พึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป  แม้จะเนิ่นนานแค่ไหน 

แต่…สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ก็เป็นสิ่งที่มนุษย์นำเข้ามาอีกเช่นเดียวกัน เป็นเหมือนการสร้างสีสันให้กับงาน และเป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดๆ คือ นอกจากจะเป็นเรื่องของพิธีกรรมดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังเป็นเรื่องของการพนันขันต่อ การแข่งขันกันว่า บั้งไฟใครจะขึ้นได้สูงสุด และนานที่สุด จะได้รับรางวัลชนะเลิศไป 

ที่มากไปกว่านั้นคือ คนที่เข้ามาชมบั้งไฟกันก็เหมือนจะมีส่วนร่วมด้วย ในการเดิมพันกันในแต่ละวง จนมีเงินสะพัดในงานบั้งไฟหลายล้านบาท บางพื้นที่ถึงกับจัดงานบั้งไฟเพื่อการพนันโดยเฉพาะ มีการเดินสายของผู้รับเหมารับจัดงานไปทั่วภาคอีสาน บางพื้นที่ถึงขนาดล้อมผ้า เก็บค่าผ่านประตูเข้าดูเลยทีเดียว 

ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเหล้าที่เป็นมหกรรมการกินดื่มเท่านั้น แต่เป็นเรื่องอบายมุขที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในงานบั้งไฟ บางคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องขายที่ขายบ้านเพื่อใช้หนี้พนัน บางคนถึงขั้นฆ่าตัวตาย มันไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ เสียแล้ว และยังไม่มีหน่วยงานไหนที่เข้าไปรับผิดชอบอย่างจริงจัง

สมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้มีนโยบายเรื่องการจัดงานบั้งไฟปลอดเหล้าและการพนัน มีการกำหนดเวลาในการจัดงานบั้งไฟด้วย โดยได้มีการแต่งตั้งคณะติดตามงานบั้งไฟปลอดการพนันอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น และหากพื้นที่ไหนมีการปล่อยปละเลยให้มีการเล่นการพนัน จะต้องมีคนรับผิดชอบ 

จากนโยบายนี้เอง การจัดงานบั้งไฟปลอดเหล้า ปลอดการพนันของพื้นที่ ต.เสียว อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ต้นแบบเรื่องการจัดงานบุญประเพณีปลอดเหล้าปลอดการพนัน ที่ถูกขยายผลออกไปทั้งจังหวัดศรีสะเกษแล้ว  จึงเป็นพื้นที่ที่น่าติดตามเป็นอย่างมากในเรื่องนโยบายนี้ 

“งดเหล้าเข้ากระดูกดำ” เป็นสโลแกนที่คนในพื้นที่คิดขึ้นมา เพื่อให้เรื่องงดเหล้าในงานบุญต่างๆ เป็นเรื่องปกติ ที่ทำกันอยู่เป็นนิจ หากการจัดงานไหนมีเหล้า มีคนนั่งดื่มเหล้าอยู่ ถือเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับที่นี่ 

ศรีสะเกษชู 'งดเหล้าเข้ากระดูกดำ' ในงานบุญบั้งไฟประจำปี 54

จากการลงพื้นที่ติดตามงานบั้งไฟใน ต.เสียว เมื่อวันที่ 28-29 พ.ค.54 ที่ผ่านมา ทั้ง 2 จุด ด้วยกัน จุดแรกคือ บ้านเสียว ต.เสียว เป็นการจัดงานบั้งไฟระดับหมู่บ้าน ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี และปลอดเหล้าทุกปี แต่ไม่ปลอดการพนัน 100% มาในปีนี้ ท่านผู้กำกับ สภ.โพธิ์ศรีสุวรรณ ลงมาควบคุมเอง จากการประเมิน พบว่า น่าจะปลอด เกือบ 100% 

ส่วนมาตรการในการควบคุมการจำหน่าย และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่จัดงาน หากพบว่าฝ่าฝืนและจับได้ จะถูกปรับ 6,000 บาท ทั้งคนขายและคนดื่ม นี่เป็นกติกาสังคมที่ชุมชนตั้งขึ้น และทุกคนเห็นด้วย ผลที่ตามมาก็คือ ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืน งานจึงปลอดเหล้าโดยสิ้นเชิง แต่ที่ควบคุมไม่ได้คือ คนดื่มจากที่อื่นแล้วเข้าไปในบริเวณงาน 

อีกจุดหนึ่งที่มีการจัดงานบั้งไฟปลอดเหล้าและการพนันในพื้นที่ตำบลเสียว คือ ที่บ้านหนองผือ  ซึ่งเป็นการจัดงานในระดับตำบล ที่ทุกหมู่บ้านเข้าร่วมงาน มีการจัดประกวดขบวนแห่บั้งไฟ และมอบรางวัลให้กับผู้ชนะการประกวดด้วย ในการจัดงานครั้งนี้มีรูปแบบที่คล้ายกันในการจัดที่จุดแรก แตกต่างกันก็เพียงแค่ จุดแรกเป็นระดับหมู่บ้าน จุดที่สองเป็นระดับตำบลเท่านั้น 

จากการทำงานรณรงค์งดเหล้าอย่างหนัก และยาวนานของคณะทำงานสุขภาวะตำบลเสียว ได้ยกระดับไปเป็นคณะกรรมการสุขภาวะอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ อ.จันทร์ โต๊ะสิงห์ หนึ่งในคณะกรรมการฯ และผู้ประสานงานเครือข่ายงดเหล้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่างานงดเหล้านี้ เป็นงานที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ปล่อยวางไม่ได้ ถ้าปล่อยเมื่อไหร่ เหล้าก็พร้อมที่จะย้อนกลับเข้าสู่ชุมชนทันที่ที่มีช่อง 

“เราจะทำอย่างไร ที่จะไม่ให้เหล้านั้นกลับเข้ามาได้อีก และทำให้งานที่เราทำมานั้นไม่สูญเปล่า เหมือนกับยาบ้า ยาเสพติด ที่ครั้งหนึ่งรัฐบาลเคยประกาศสงครามกับยาเสพติด มีการกวาดล้างกันอย่างหนักเข้มงวดและดุเดือดมาก มียาบ้าหลายล้านเม็ด ยึดทรัพย์ผู้ค้ายาบ้าได้หลายพันล้านบาท ยาบ้าก็หายไปพักหนึ่ง แต่ที่สุดก็เหมือนเป็นการพักรบชั่วคราวเพื่อตั้งหลัก สงครามยังไม่สงบ นับศพทหารยังไม่ได้ 

ศรีสะเกษชู 'งดเหล้าเข้ากระดูกดำ' ในงานบุญบั้งไฟประจำปี 54

มาวันนี้มียาบ้ารอที่จะทะลักเข้าประเทศอย่างมากมายมหาศาล อันเนื่องจากการชะล่าใจของรัฐบาล มีการจับกุมยาบ้าได้หลายล้านเม็ดที่ผ่านมา เหมือนว่ามันจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง การทำงานรณรงค์เรื่องเหล้าจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ หากว่า วันหนึ่งวันใด คนทำงานอ่อนแรงลง คนที่สานต่อก็ไม่เอาจริงเอาจัง ยังควานหาแต่ผลประโยชน์ไม่จบไม่สิ้น เหล้าจะกลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้งหรือไม่ หลังจากที่ถูกรุกอย่างหนักจากคนที่มองเห็นโทษและมหันตภัยร้ายแรงจากเหล้า ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีมากกว่ายาบ้าด้วยซ้ำ แต่ก็ยังถูกมองข้ามไป” อ.จันทร์ กล่าว 

วันนี้เอง คำๆ หนึ่งจึงถูกคิดค้นขึ้นมา เพื่อใช้กับคนตำบลเสียว ที่จะไม่ทำให้เรื่องเหล้าถูกมองข้ามไป และทำให้เป็นเรื่องปกติชีวิตของคนเสียว ในเรื่องงดเหล้า ทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องไม่เอาเหล้าเข้ามาเกี่ยวข้อง งานไหนมีเหล้า ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เรื่องแปลกแหวกแนวไป และคำๆ นี้จะต้องฝังอยู่ในกระดูก จารึกอยู่ในใจของคนพันธุ์เสียวทุกคนทุกเพศทุกวัย กับคำว่า “งดเหล้าเข้ากระดูกดำ”

เรื่อง: ธงชัย พูดเพราะ
ที่มา: สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ภาคอีสานตอนล่าง

 

Shares:
QR Code :
QR Code