ศรัทธาศาสนาดับควันบุหรี่แดนใต้
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจาก : www.hfocus.org
ทุกคนรู้ถึงพิษภัยของบุหรี่ว่ามี ผลกระทบต่อตัวเอง คนรอบข้างและสังคม แต่คนไทยยังคงมี การสูบบุหรี่ในอัตราสูง แม้จะมีการรณรงค์มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ก็ไม่ได้ทำให้จำนวนผู้สูบบุหรี่ลดน้อยลง ยิ่งไปกว่านั้นกลับพบนักสูบหน้าใหม่มีอายุน้อยลง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ยังคงเป็นพื้นที่ครองแชมป์อัตรา การสูบบุหรี่มากสุด โดยมีนักสูบมากกว่า 1.8 ล้านคน ขณะเดียวกันยังเป็นพื้นที่ ได้รับควันบุหรี่มือสองสูงสุดของประเทศเช่นเดียวกัน
วิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่แตกต่างเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มาตรการรณรงค์ลด ละ เลิก บุหรี่ ไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่
ดังนั้นการแก้ปัญหานี้ได้ คนทำงานจึงต้อง 'เข้าถึง เข้าใจ' สร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่เหมาะสมตามบริบทของพื้นที่ และ วิธีการอย่างหนึ่งคือ กระบวนการ ทางสังคมและการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน
"ถ้าเรายังใช้เรื่องสุขภาพมาเป็นตัวนำในการจะไปบอกให้คนเลิกบุหรี่เขาไม่ค่อยเชื่อหรอก เพราะเขาสูบมานานตั้งแต่วัยหนุ่มยันแก่ ไม่คิดว่าจะเป็นอะไร" สุริยา ยีขุน นายกเทศมนตรี ตำบลปริก อ.สะเดา จ.สงขลา ชี้ถึงสาเหตุความล้มเหลวของกลยุทธ์การรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในแบบเดิมๆ พร้อมทั้งแนะนำว่า ถ้ามีการใช้หลักความเชื่อทางศาสนา หรือผลกระทบที่จะเกิดกับคนใกล้ตัวหรือคนในครอบครัว ผู้สูบบุหรี่จะ เชื่อและโน้มน้าวใจคนที่สูบบุหรี่ให้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลด ละ เลิก ได้มากกว่า ซึ่งในพื้นที่เทศบาลตำบลปริก มีจำนวนผู้สูบบุหรี่มากเกือบ 1,500 คน
เช่นเดียวกับ สมยศ ฤทธิ์ธรรมนาถ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาทอน อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล ที่ยืนยันเช่นเดียวกันว่า นักสูบส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงสุขภาพ ตัวเอง แต่ถ้าเป็นคนรอบข้างที่ได้รับ ผลกระทบจากบุหรี่มือสอง เขาจะเริ่มคิดและเป็นห่วง ดังนั้นทางท้องถิ่นจึงมีวิธีคือ แม้จะไม่รักตัวเองก็ให้คิดถึงคนที่รัก ทำเพื่อคนที่รัก
"ค่อยๆ ไปพูดไปบอก ย้ำทุกวันๆ เดี๋ยวเขาก็คล้อยตาม" นายก อบต.นาทอน ย้ำวิธีการที่ต้องละมุนละม่อม ตามหลักทางศาสนาอิสลามระบุว่า หากเสพสิ่งใดๆ แล้วเป็นโทษต่อสุขภาพร่างกาย ถือว่า เป็นสิ่งไม่ดี หรือต้องห้าม ดังนั้น 'บุหรี่' จึงเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ก็ยัง มีข้อถกเกียงว่า 'บุหรี่' เป็นสิ่งไม่ดีหรือไม่ แต่สำหรับชาวมุสลิมที่เคร่งครัดแล้ว 'มันคือสิ่งต้องห้าม'
ดังนั้นหลักทางศาสนาอิสลามใน เรื่องนี้ จึงเป็น กลยุทธิ์เด็ด ที่ทั้งสองพื้นที่ นำมาใช้ โต๊ะอิหม่านมิตรชา โต๊ลาตี ประจำมัสยิดส่งเสริมสุขภาพบ้านบารายี อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล เปิดเผยว่า บุหรี่เป็นปัญหาหลักในลำดับต้นของการเจ็บป่วยในผู้ชายมุสลิม เพราะส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าเป็นสิ่งต้องห้าม เนื่องจากเคยสูบกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และไม่เห็นผลกระทบ ทันทีทันใด ดังนั้นจึงต้องสร้างความรู้ความเข้าใจ นุ่มนวล ใช้กระบวนการพูดคุยตลอดเวลา และจะต้องไม่ทำให้เกิด ความขัดแย้ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นทุกข์ทันทีเอาคนที่เต็มใจก่อนพร้อมจะรับเรื่อง เปลี่ยนตัวเองได้มากที่สุด โต๊ะอิหม่ามก็ต้องเป็นตัวอย่าง ชาวบ้านก็จะได้เคารพนับถือ โอกาสในการแก้ปัญหาก็จะประสบผลสำเร็จ
นายก อบต.นาทอน กล่าวว่า ทาง อบต.ได้เชิญผู้นำทางศาสนามาร่วมพูดคุยเพื่อให้มีการใช้หลักคำสอนของศาสนา มาเป็นตัวช่วยในการรณรงค์ อย่างเช่น การคุตบะห์ หรือการพูดคุยในเรื่องพิษภัย ของบุหรี่ก่อนการทำพิธีละหมาด และในช่วงรอมฎอนซึ่งพี่น้องมุสลิมจะต้องถือศีลอดคือต้องอดอาหารรวมถึงบุหรี่ด้วย ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงเวลาพระอาทิตย์ตกเป็นระยะเวลา 1 เดือน ดังนั้นรอมฎอนจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเลิกบุหรี่ ไม่ใช่ว่าพอละศีลอด ตกค่ำมาอัดบุหรี่หนักๆ แบบนี้ถือว่า การถือศีลอดที่ผ่านมาทั้งวันนั้นไม่ได้ อะไรเลย นอกจากนี้แล้วยังได้ขอความร่วมมือ และประกาศให้มัสยิดเป็นศาสนสถานปลอดบุหรี่อย่างเด็ดขาดทั้งภายในอาคารและบริเวณรอบมัสยิด ผู้มาร่วมพิธีทางศาสนาหรือมาใช้สถานที่จะต้องห้ามสูบบุหรี่
เช่นเดียวกับที่เทศบาลตำบลปริก สร้างกลไกในชุมชนด้วยการให้มัสยิดเป็นพี่เลี้ยงในชุมชน ซึ่งนายกเทศมนตรีอธิบายให้เข้าใจว่า ชาวมุสลิมเคร่งครัดในหลักธรรมคำสอน เราจึงให้มัสยิดเป็นสถานที่ให้ความรู้และรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งทั้งโต๊ะอิหม่ามจะต้องไปทำความเข้าใจกับชาวชุมชน และคนที่มามัสยิดต้อง ไม่สูบบุหรี่
การสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและภาคีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนของทั้งสองพื้นที่ ซึ่งทำมาอย่างต่อเนื่อง เป็นกลไกสำคัญส่งผลให้การรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ประสบผลสำเร็จ เช่น การปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการไม่สูบบุหรี่ การส่งเสริมครัวเรือนปลอด ควันบุหรี่ หรือบุคคลต้นแบบ การขอความร่วมมือร้านค้า การติดป้ายประกาศห้ามสูบบุหรี่ในตามสถานที่สำคัญและพื้นที่สาธารณะ จัดกิจกรรมภายในโรงเรียนเพื่อหยุดยั้งนักสูบหน้าใหม่
ทั้งเทศบาลตำบลปริกและ อบต. นาทอน เป็นสองพื้นที่ตัวอย่างของ ความสำเร็จการรณรงค์การควบคุม ยาสูบของสำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดย สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน ภายใต้การขับเคลื่อนประเด็น 'ลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ เพิ่มปัจจัยเสริมสุขภาวะ' ผ่าน 5 ปฏิบัติการสำคัญ คือ 1. สร้างบุคคลต้นแบบ 2.เพิ่มพื้นที่ปลอดบุหรี่ 3.สร้างคลินิกเลิกบุหรี่ 4.เพิ่มกติกาทางสังคม 5.บังคับใช้กฎหมาย ผ่าน "3 กลยุทธ์" ประกอบด้วย สร้าง เสริม และส่วนร่วม เป็นสองพื้นที่ที่น่าศึกษาและสามารถเป็นต้นแบบในการจัดการบุหรี่ได้เป็นอย่างดี