ศปถ.ส่งเสริมสงกรานต์ปลอดเหล้า-ปลอดภัย ให้เด็ก-เยาวชนไทย

ตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 7 วันของเทศกาล ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา รวบรวมโดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) พบว่า เทศกาลสงกรานต์ได้คร่าชีวิตคนไปถึง 1,948 คน หรือเฉลี่ย 390 คน/เทศกาล (เฉลี่ยคนตายวันละ 55 คน) ไม่นับรวมผู้บาดเจ็บรุนแรงที่พบสูงถึง 23,722 คน หรือเฉลี่ย 4,744 คน/เทศกาล

ศปถ.ส่งเสริมสงกรานต์ปลอดเหล้า-ปลอดภัย ให้เด็ก-เยาวชนไทย

นอกจากนี้ ร้อยละ 6 คนกลุ่มนี้ มีโอกาสที่จะลงเอยด้วยความพิการทางร่างกายอย่างใดอย่างหนึ่ง ดั้งนั้น ในแต่ละปี เทศกาลสงกรานต์ได้ทำให้เกิดผู้พิการรายใหม่เพิ่มขึ้นมาถึง 285 คน (ผู้พิการรายใหม่รวม 5 ปี คาดว่ามีจำนวนถึง 1,423 คน)

ยิ่งเมื่อวิเคราะห์ผู้ที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมด (รวมที่เสียชีวิต บาดเจ็บรุนแรง และบาดเจ็บเล็กน้อย) ข้อมูลจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2551-2553) พบมีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมดรวมกันเกือบ 1 แสนคน หรือเฉลี่ย 3 หมื่นคนในแต่ละเทศกาล โดยเป็นผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 440 คน (ยอดเสียชีวิตจะสูงกว่า ศปถ.เนื่องจากนับรวมผู้ที่เสียชีวิตหลังจากผ่านเทศกาลไปแล้ว) หรือคิดเป็น 71 คน/วัน

ข้อมูล สพฉ.ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยังชี้ให้เห็นอีกว่า ในแต่ละเทศกาลจะมีเด็กอายุน้อยกว่า 12 ปี (ชั้นประถมลงไป) เกิดอุบัติเหตุทางถนน จำนวนเฉลี่ยสูงถึง 3,100 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของผู้บาดเจ็บทั้งหมด นอกจากนี้ กลุ่มเด็กและเยาวชนที่อายุระหว่าง 15-18 ปี (มัธยมศึกษาตอนปลายและอาชีวศึกษา) พบมีสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มอื่นๆ คือ สูงถึงร้อยละ 15 ของผู้บาดเจ็บทั้งหมด.. ที่สำคัญ ข้อมูลในช่วงสงกรานต์ปี 2553

ที่ผ่านมา พบว่า 1 ใน 4 ของผู้เสียชีวิตเป็นเด็กและเยาวชนที่อายุน้อยกว่า 20 ปี (คิดเป็นร้อยละ 23.6) โดยเฉพาะวันสงกรานต์ (14 เมย.) มีเยาวชนที่อายุน้อยกว่า 20 ปีเสียชีวิตถึงร้อยละ 31.8 หรือเกือบ 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด น่าตกใจที่พบว่า หนึ่งในสามของผู้บาดเจ็บทั้งหมด (ร้อยละ 35) มีการดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย หรือเทียบได้กับแต่ละครั้งของเทศกาลสงกรานต์มีคนเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่เกี่ยวข้องกับการดื่มถึง 1 หมื่นกว่าคน

ศปถ.ส่งเสริมสงกรานต์ปลอดเหล้า-ปลอดภัย ให้เด็ก-เยาวชนไทย

นอกจากนี้ ยังพบว่ากว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 58.6) ของผู้เสียชีวิตสงกรานต์ปี 2553 ที่ผ่านมา มีการดื่มสุราร่วมด้วย โดยเฉพาะในช่วงฉลอง (วันที่ 13-15 เมษายน) พบสัดส่วนการดื่มสูงขึ้นมากถึงร้อยละ 67-69 หรือกล่าวได้ว่า ในผู้เสียชีวิต 3 คน จะมี 2 คนที่ดื่มสุราร่วมด้วย

เมื่อพิจารณาเฉพาะผู้บาดเจ็บที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ในช่วงสงกรานต์ 3 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนมากถึง 7,872 คน ที่เกี่ยวข้องกับการดื่มสุราร่วมด้วย หรือคิดเป็นร้อยละ 22.6 ของผู้บาดเจ็บในกลุ่มนี้ทั้งหมด ในจำนวนนี้พบมีการบาดเจ็บรุนแรง 1,363 ราย (เสียชีวิต 85 ราย, เฉลี่ยเทศกาลละ 28 คน)

ข้อสังเกตที่สำคัญคือ แม้จะมี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำหนดไว้ชัดเจนที่ผู้ขายสุราห้ามขายให้เด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปี แต่ทำไมเด็กกลุ่มนี้จึงเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ หรือเป็นเพราะว่าผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่เป็นผู้ขายสุราหรือผู้ที่ชักชวนให้ดื่ม กลับเป็นผู้ที่หยิบยื่นสุราให้กับเด็กและเยาวชนเสียเอง

ข้อมูลจากการสำรวจโดยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) พบว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เกิดการบาดเจ็บในช่วงสงกรานต์มากกว่าช่วงปกติถึง 2.41 เท่า และเกือบทั้งหมด (ร้อยละ 90) ของผู้บาดเจ็บที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเกิดเหตุ ตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (เฉลี่ย 224.2 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) ซึ่งสูงกว่าระดับที่กฎหมายกำหนดถึง 4.5 เท่า หรือเทียบได้กับการดื่มเบียร์ประมาณ 3 ขวด

“ที่น่าห่วงคือเยาวชนมีพฤติกรรมการดื่มหนักในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพิ่มมากขึ้นถึง 10 เท่าและจะมีวิธีดื่มที่เปลี่ยนไป คือ ดื่มอย่างหนักและดื่มแบบต่อเนื่องเป็นเวลานาน”

สอดคล้องกับข้อมูล สพฉ.ที่พบว่า ช่วงเวลาที่มีผู้บาดเจ็บและมีการดื่มร่วมด้วย จะพบได้ตลอดทั้งวัน โดยเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน (12-14 น.) คิดเป็นร้อยละ 23 และเพิ่มเป็นร้อยละ 43 ในช่วง 18-20 น. จนสูงสุดในช่วงดึก 24-2.00 น. ซึ่งพบสัดส่วนการดื่มสุราในผู้บาดเจ็บสูงถึงร้อยละ 67

ศปถ.ส่งเสริมสงกรานต์ปลอดเหล้า-ปลอดภัย ให้เด็ก-เยาวชนไทย

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า ผู้บาดเจ็บที่ประสบเหตุในเส้นทางสายรองมีสัดส่วนของการดื่มสูงสุด ร้อยละ 42 ในขณะที่เส้นทางหลวงและถนนในเมืองมีสัดส่วนใกล้เคียงกันคือ ร้อยละ 31 และร้อยละ 29 ตามลำดับ

แล้วผู้ใหญ่ทั้งหลาย … จะสร้างความปลอดภัยให้กับเด็กและเยาวชนได้อย่างไร ต้องช่วยกันเข้มงวดและเอาจริงเอาจังกับมาตรการขายสุรา โดยเฉพาะการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปี เพราะถ้าเด็กกลุ่มนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา จะช่วยให้โอกาสของการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บลดลงได้ถึงร้อยละ 23 (และช่วยลดโอกาสเสียชีวิตลงได้ถึง 27 คน โดยเฉลี่ยต่อเทศกาลสงกรานต์)

จำเป็นต้องเพิ่มการตรวจจับผู้ขับขี่ที่ดื่มสุราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในถนนสายรอง และในช่วงเวลาเย็นไปจนถึงกลางดึก (24-02 น.) เพราะสงกรานต์ที่ผ่านมา แม้จะมีตัวเลขการเรียกตรวจเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 แต่การตรวจจับดำเนินคดีดื่มแล้วขับกลับลดลงถึงร้อยละ 28.5 (ดำเนินคดีได้ 9,952 ราย หรือเฉลี่ยแล้ว มีการดำเนินคดีเพียง 19 ราย/วัน/จังหวัด)

เพื่อให้มาตรการในพื้นที่เขตชุมชนและถนนสายรองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากท้องถิ่น ผู้นำชุมชนและเครือข่ายภาคประชาชน โดยเฉพาะมาตรการทางสังคมในเชิงรุก (ออกนอกเต็นท์ให้บริการ) เพื่อลงไปชักชวน กระตุ้นให้ร้านค้าในชุมชนงดขายสุราให้กับเยาวชน รวมทั้งงดขายในช่วงเวลาและพื้นที่ห้ามขาย

ศปถ.ส่งเสริมสงกรานต์ปลอดเหล้า-ปลอดภัย ให้เด็ก-เยาวชนไทย

รวมไปถึงการมีมาตรการในช่วงเวลาเย็นไปถึงกลางดึก ที่จะลดคนเมามิให้ขึ้นมาขับขี่บนท้องถนน ส่งเสริมและกวดขันให้มีการใช้หมวกนิรภัยเพิ่มมากขึ้น เพราะปกติแล้วเทศกาลสงกรานต์ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มักจะไม่สวมหมวกนิรภัย ข้อมูลจากสงกรานต์ที่ผ่านมา พบว่าผู้เสียชีวิต (ทั้งผู้ขับขี่และซ้อนท้าย) เกือบทั้งหมดหรือร้อยละ 91 ไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากสงกรานต์ปี 52 ที่มีสัดส่วนผู้เสียชีวิตที่ไม่สวมหมวกนิรภัยร้อยละ 87.6 (แม้จะมีการจับกุมผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16.8) เพราะถ้าผู้ประสบเหตุที่สวมหมวกนิรภัยจะช่วยลดความรุนแรงและรักษาชีวิตไว้ได้ถึงร้อยละ 32

ถึงเวลาแล้วหรือยัง … ที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายจะช่วยกันสร้างความปลอดภัยในเทศกาลสงกรานต์ ให้สมกับที่เป็นเทศกาลของความสุข ความรื่นเริงและความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว … คงไม่มีครอบครัวไหนที่อยากให้ลูกหลานออกไป ฉลองวันสงกรานต์ แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้กลับบ้านอีกเลย

 

ที่มา: เว็บไซต์ไทยโพสต์  

Shares:
QR Code :
QR Code