ศธ. สั่งคุมเข้มป้องกัน นศ.ขายเซ็กส์ผ่านอินเทอร์เน็ต
เชื่อเหตุความฟุ่มเฟือย
สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นเรื่องนักศึกษาประกาศขายตัวผ่านเว็บไซต์ทางอินเทอร์เน็ต จากนักศึกษาในกรุงเทพฯและปริมณฑลพบว่าร้อยละ 68.67 เคยเข้าไปดูเว็บไซต์ดังกล่าว และ ร้อยละ 34.77 ว่ามีจริง เคยโทรศัพท์ติดต่อใช้บริการมาแล้ว โดย นศ.ที่ขายตัวต้องการใช้เงิน และบางรายทำเพราะรักสนุก ขณะที่ร้อยละ 22.43 เชื่อว่าเป็นการแอบอ้างเพื่อให้ได้ราคา หรือเป็นพวกนศ.ที่ออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว
ด้าน รมช.ศึกษาฯ เชื่อสาเหตุมาจากความฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อตามกระแสวัตถุนิยม หากเป็นปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ศธ.มีกองทุนให้กู้ยืมเรียนช่วยเหลืออยู่แล้ว จี้สถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานเกี่ยวข้องกวดขันดูแลไม่ให้ นศ.ขายเซ็กส์
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่า มีนักศึกษาสาวตามสถาบันชื่อดังประกาศขายบริการทางเพศ หรือขายตัว ผ่านเว็บไซต์ทางอินเทอร์เน็ตมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ว่า นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ตั้งแต่มีข่าวออกมาตนได้แจ้งไปยังสถาบันอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชน และสถาบันอาชีวศึกษาผ่านสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ขอให้ช่วยกวดขันดูแลนักศึกษาไม่ให้มีการขายบริการทางเพศ
ซึ่งคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจากนักศึกษามีค่านิยมที่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ ตามกระแสวัตถุนิยม และปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำ กรณีปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำนั้นทุกฝ่ายต่างเจอกันทั้งนั้น ดังนั้น นักศึกษาจึงต้องรู้จักหาทางออกที่เหมาะสม
“กรณีปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจนั้น ศธ. มีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้กับนักเรียน นักศึกษากู้ยืมเรียนอยู่แล้ว ปีนี้ได้เสนอรัฐบาลให้ขยายฐานผู้กู้ กยศ. โดยนักศึกษาชั้นปีที่ 2-4 ที่กู้กองทุน กยศ. ไม่ได้ในช่วงเรียนปีที่ 1 ก็สามารถกู้ได้ และใช้งบประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก ครม. แล้ว
ส่วนปัญหานักศึกษามีค่านิยมฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยนั้น ศธ.คงแก้ปัญหาโดยลำพังไม่ได้ แต่จะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย เช่น กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ช่วยกันปลูกฝังให้นักศึกษามีความรับผิดชอบมากขึ้น มีจิตสำนึก และดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง ทั้งนี้ จะนำปัญหานี้ไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ด้วย” นายชัยวุฒิ กล่าว
ด้านสวนดุสิตโพลที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นกรณีนักศึกษาขายตัวผ่านเว็บไซต์ทางอินเทอร์เน็ตจากนักศึกษาที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,743 คน ระหว่างวันที่ 30-31 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 68.67 ระบุ เคยเข้าไปดูเว็บไซต์ที่นักศึกษาสาวลงประกาศขายตัว เพราะอยากรู้ว่ามีจริงหรือไม่ เพื่อไม่ให้ตกข่าว ขณะที่ร้อยละ 31.33 ระบุไม่เคยดู เพราะเป็นเรื่องลามกอนาจาร ไม่ดี ไม่สนใจ คงไม่ใช่เรื่องจริง เป็นการแอบอ้าง
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 42.80 ระบุไม่แน่ใจว่าการขายตัวในเว็บไซต์เป็นนักศึกษาจริง น่าจะเป็นการแอบอ้าง ร้อยละ 34.77 ระบุเชื่อ เพราะเคยลองโทรศัพท์ติดต่อได้ เคยใช้บริการ สภาพเศรษฐกิจไม่ดี นักศึกษาจำเป็นต้องใช้เงิน รักสนุก ขณะที่ร้อยละ 22.43 ไม่เชื่อ เพราะเป็นธุรกิจค้ากาม แอบอ้างเพื่อให้ได้ราคา เป็นนักศึกษาที่ถูกออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 40.27 ระบุ ผลกระทบจากข่าวกรณีนักศึกษาขายตัวผ่านเว็บไซต์ กระทบภาพลักษณ์ของนักศึกษาโดยรวม ร้อยละ 29.20 กระทบชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย หรือสถาบัน ร้อยละ 12.39 มีผล กระทบกระทรวงศึกษาธิการ ร้อยละ 11.53 มีผลกระทบความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทย และร้อยละ 6.61 ส่งผลกระทบให้เห็นความเหลวแหลกของสังคมไทย
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
update 02-02-52