“วิ่งสมาธิ” ออกกำลังที่กาย เติบโตที่ใจ
ที่มา : MGR Online
แฟ้มภาพ
วันวิสาขบูชา ซึ่งตรงกับวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมเสริมสุขภาพ(สสส.)ได้จัดงานเดิน-วิ่ง สมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ปี 2561พร้อมกันทั่วประเทศ นับเป็นครั้งที่ 17 โดยพื้นที่ในส่วนกลางจัดขึ้นที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ขณะที่ภูมิภาคจัดใน 82 สนามใน 56 จังหวัด มีจำนวนนักวิ่งเข้าร่วมกิจกรรมทั่วประเทศกว่า 50,000 คน
อ.ณรงค์ เทียมเมฆ ผู้ทรงคุณวุฒิแผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย สสส. บอกว่า ปีนี้มีการขยายตัวมากขึ้นและคนสนใจมากขึ้น เพราะรณรงค์เรื่องของการฝึกสมาธิในวันสำคัญทางพุทธศาสนาขณะเดียวกัน สสส.ได้สนับสนุนค่าสมัครวิ่ง ทำให้มีค่าสมัครถูกที่สุดแค่ 200 บาทในพื้นที่กรุงเทพฯ และ 150 บาทในพื้นที่ต่างจังหวัด ผู้เข้าร่วมวิ่งจะได้ทั้งเสื้อและกระเป๋าคาดเอวโดยไม่มีเหรียญรางวัล รวมทั้งบริการอาหารเช้า ซึ่งเป็นอาหารมังสวิรัติมุ่งหวังให้ผู้ร่วมกิจกรรมงดเว้นเนื้อสัตว์ในวันพระใหญ่ โดยพื้นที่กรุงเทพฯ รับสมัครนักวิ่งได้4,000คน วิ่งในพื้นที่3สวนคือสวนสิริกิติ์ สวนรถไฟ และสวนจตุจักร มีทั้งระยะ 5 และ 10 กิโลเมตร โดยจัดงานให้มีบรรยากาศแบบวันวิสาขบูชา กิจกรรมดนตรีที่ทำให้จิตสงบ มีสมาธิและพิธีการที่เกี่ยวข้องกับศาสนาที่ครบถ้วนเรียบง่ายทั้งรับศีล ฟังธรรม ไปเวียนเทียนหน้าสัญลักษณ์จำลอง
"คนตื่นตัวกับกระแสการวิ่งเพื่อออกกำลังกายมากขึ้น จากเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ที่ สสส.ออกมาเชิญชวนให้คนออกกำลังกายด้วยการวิ่งมี 5 ล้านคน แต่ปีนี้เพิ่มเป็น12ล้านคน ส่วนหนึ่งมาจากสื่อโซเชียลต่างๆ ตลอดจนปรากฏการณ์ของตูน บอดี้สแลม ในโครงการคนละก้าว อย่างไรก็ตาม การวิ่งสมาธิในปีนี้ นอกจากจัดที่ประเทศไทยยังมีกิจกรรมเดิน-วิ่ง สมาธิ วิสาขะ ที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศสและคิวบาด้วย" อ.ณรงค์ กล่าว
ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษา สสส. กล่าวว่า โครงการนี้ส่งเสริมให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพด้วยการเดิน-วิ่งและรณรงค์ให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น โดยการเชื่อมโยงการมีกิจกรรมทางกายเข้ากับการปฏิบัติบูชาทางศาสนา หรือการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีสติ คือ การรู้สึกตัวตลอดเวลา เพราะเราสามารถกำหนดสติได้ทุกอิริยาบถโดยใช้หลักการเดียวกับการเดินจงกรมทั้งขณะนั่ง นอน หรือวิ่งก็เช่นกัน เมื่อเท้าก้าวลงพื้น ให้มีการกำหนดลมหายใจไปบริเวณดังกล่าว ไม่ต่างกับการนั่งสมาธิ นักวิ่งจะได้เรียนรู้ที่จะผสานกายกับจิตเป็นหนึ่งเดียวกันผ่านการวิ่ง ตลอดจนการเคลื่อนไหวร่างกายในขณะที่จิตนิ่งสงบ มีการควบคุมการหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอไปพร้อมกับการเดินหรือวิ่งโดยไม่วอกแวก หรือสนใจกับสิ่งเร้ารอบข้าง เมื่อวิ่งเหนื่อยหรือหิวน้ำก็พิจารณาให้รู้ว่าเหนื่อย หิว เป็นเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานจึงนับเป็นการฝึกฝนร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงไปพร้อมๆ กัน ที่สำคัญยังช่วยสนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนลดละ เลิก อบายมุข มาร่วมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง และการตั้งใจทำความดีในฐานะที่เป็นชาวพุทธ เนื่องในวันวิสาขบูชาอีกด้วย
ทั้งนี้ สสส.ได้รวบรวมประโยชน์ของการวิ่งสมาธิไว้ 7 ข้อ ดังนี้1.ทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น2.ติดวิ่งสมาธิ มีสมาธิระหว่างวิ่งมากขึ้น 3.ร่างกายกระฉับกระเฉงแคล่วคล่องว่องไว 4.ลดความเสี่ยงจากโรคและอุบัติเหตุ 5.อารมณ์สดชื่นแจ่มใสไม่แก่เกินวัย 6.ลดความวิตกกังวล คลายเครียด และ 7.แก้ไขปัญหาได้รวดเร็วขึ้น
มีข้อมูลว่าปัจจุบัน พุทธศานาหลายนิกาย ได้นำการเดิน-วิ่งมาเป็นเครื่องมือในการฝึกสมาธิเช่นในปีค.ศ.1585พระสำนักเท็นไดของประเทศญี่ปุ่น มีการฝึกปฏิบัติในชื่อ “ไดโอเกียว”อาศัยการฝึกร่างกายอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตนเองและบรรลุถึงความสมบูรณ์ทางจิตวิญญาณ หนึ่งในการฝึกฝนคือการเดิน-วิ่งบนภูเขาฮิเออิ เป็นเวลา1,000วันในช่วงเวลา7ปี (เฉลี่ยปีละ100-200วันต่อเนื่อง)โดยวิ่งวันละ30-84กม.รวมระยะทางหลายหมื่นกม.จนได้รับการขนานนามว่า“พระมาราธอน” ซึ่งพระที่เข้ารับการฝึกจะท่องมนต์ไปด้วย เพื่อทำสมาธิฝึกฝนร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆกัน
ผศ.สุรางคนา ณ นคร อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เล่าว่า สนใจวิ่งรายการนี้เพราะตรงกับเทศกาลวิสาขบูชา ช่วยให้เรารู้สึกว่าการวิ่งช่วยในการเจริญสติ และฝึกสมาธิระหว่างเดินให้ฝึกสติว่าเรากำลังเดินอยู่ เหมือนกับธรรมะปฏิบัติ เพราะเคยฝึกปฎิบัติในสายหลวงพ่อเทียนเป็นหลักในสายวัดป่าสุขคโตจะทำแบบนั้น ปกติก็วิ่งอยู่ในหนึ่งวันวิ่งประมาณ 5 กม.เดินบ้างวิ่งบ้างให้รู้สึกว่ากระชุ่มกระชวย โดยออกกำลังกาย3-4ปีคิดว่าตัวเองกระชับกระเฉง บวกกับการฝึกปฏิบัติทำให้เรามีความนิ่งมากขึ้น ประโยชน์ที่เห็นได้ที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งทุกวันทำให้น้ำหนักตัวไม่เพิ่ม
ด้าน เนาวรัตน์ ปฐวินทรานนท์ เจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินแห่งหนึ่งวัย 47 ปี เล่าว่า สนใจวิ่งรายการนี้เพราะตรงกับเทศกาลวิสาขบูชาชวนเพื่อนที่ทำงานมาวิ่งด้วยกันประมาณ10คน พึ่งออกกำลังกายด้วยการวิ่งมา1ปี รู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยนไปน้ำหนักลงมา3กม.งานนี้ถือเป็นการวิ่งระยะ10กม.เป็นครั้งที่4เพราะที่ผ่านมาลงรายการวิ่งในระยะฟันรัน5กม.เท่านั้น
เรียกว่าออกกำลังที่กายแต่ไปสร้างความเบิกบานในใจ