‘วิ่งสมาธิ’ มีดีมากกว่า ร่างกายที่แข็งแรง
เรื่องโดย : กิดานัล กังแฮ Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลจาก : หนังสือ ปาฎิหารย์แห่งการวิ่ง วันวิสาขบูชา 2553 วันนักวิ่งเพื่อสุขภาพไทย มูลนิธิสมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ว่ากันว่า “สุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน” ต้องดีทั้ง กาย – ใจ เพราะว่าผู้ที่มีสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดีจะสามารถดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ดังนั้น คนเราจึงต้องรู้จักบำรุงรักษาและส่งเสริมสุขภาพจิตให้ดีอยู่เสมอ
สำหรับในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญทางศาสนาอีกวันหนึ่งที่ชาวพุทธทั่วโลกน้อมรำลึกถึง เนื่องด้วยเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรง "ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน" จนถือกำเนิดเป็น "วันวิสาขบูชา" มานานกว่า 2,500 ปี
และเนื่องในวันวิสาขบูชา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายชมรมเดิน-วิ่ง จัดงาน “เดิน-วิ่ง สมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ครั้งที่ 17” เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนนำการปฏิบัติ “สมาธิ” มาประยุกต์ใช้กับการวิ่งในการส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง
หลายคนคงกำลังสงสัยอยู่ว่า “วิ่งสมาธิ” ที่ว่านี้มีดีอย่างไร และการวิ่งสมาธิต้องเริ่มต้นยังไง เรื่องนี้ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ โสมประยูร ผู้คิดค้นการวิ่งสมาธิ ให้ข้อมูลว่า ได้ค้นพบเรื่องการวิ่งสมาธิโดยบังเอิญ ระหว่างที่ตนกำลังวิ่ง ภรรยาก็ฝึกสมาธิด้วยการเดินจงกรมที่บิรเวณบ้านเหมือนกัน หลังจากนั้นก็ศึกษาเรื่องทำสมาธิจากภรรยา และทดสอบลองภาวนา พุท-โธ ไปด้วยขณะวิ่ง พอวิ่งๆ ไปก็รู้สึกเพลินจนเริ่มรู้สึกว่ามีเหงื่อซึมที่แขน จึงหันไปมองดูนาฬิกา ปรากฏว่าวิ่งเลยครึ่งชั่วโมงไปแล้ว แต่ตัวเองกลับรู้สึกไม่เบื่อเหมือนอย่างเคย
ทั้งนี้ ยังพบอีกว่าประโยชน์ของการ “วิ่งสมาธิ” มีทั้งหมด 7 ประการ ได้แก่ 1. สุขภาพร่างกาย แข็งแรงขึ้น 2. ติดวิ่งสมาธิ มีสมาธิระหว่างวิ่งมากขึ้น 3. ร่างกายกระฉับกระเฉง แคล่วคล่องว่องไว 4. ลดความเสี่ยงจากโรค และอุบัติเหตุ 5. อารมณ์สดชื่น แจ่มใส ไม่แก่เกินวัย 6. ลดความวิตกกังวล คลายเครียด และ 7. แก้ไขปัญหาได้ รวดเร็วขึ้น
เริ่มต้นวิ่งสมาธิต้องทำอย่างไร
ดร.สุชาติ บอกว่า ก่อนวิ่งควรอบอุ่นร่างกาย และจิตใจด้วยการเดินเร็วหรือบริหารกาย 2- 3 นาที พร้อมทั้งการปรับอารมณ์ให้สดชื่นแจ่มใส ตัดความกังวลต่าง ๆ หลังจากภาวนาตอนอบอุ่นร่างกายและจิตใจแล้ว พอเริ่มวิ่งก็ให้ภาวนา “พุท” ลึกยาวตามลมหายใจเข้า และหายใจออกตามปกติภาวนาว่า “โธ”
ทั้งนี้ การควบคุมการหายใจภาวนา ไปพร้อมกับการวิ่ง อาจจะรู้สึกว่าทำได้ยาก เพราะจังหวะที่เท้าเก้าอาจจะไม่ตรงกับจังหวะของการหายใจ สิ่งที่ควรทำคือ การวิ่งไปตามปกติโดยไม่ต้องกังวลเรื่องของจังหวะการวิ่ง เมื่อทำไปสักพักทุกอย่างจะลงจังหวะ และลงตัวไปเอง เนื่องจากคนเรามีความแตกต่างกันทั้งเพศ วัย สภาพร่างกาย การวิ่งสมาธิ จึงเป็นการวิ่งที่ควรปรับลักษณะการวิ่งให้ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับตนเอง
พอจะเริ่มหยุดวิ่งให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ด้วยการเปลี่ยนจากการวิ่งเหยาะมาเป็นเดินเร็ว และทำจิตใจให้สบายแทน เมื่อทำเป็นประจำจะรู้สึกได้ว่า การวิ่งสมาธิ เป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพ เพราะเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างร่างกายกับจิตใจ เรียกว่านอกจากจะมีจิตใจที่ดีแล้ว ยังมีสุขภาพกายที่ดีด้วย ดังคำกล่าวที่ว่า "จิตที่แข็งแกร่ง คือจิตที่สงบนิ่ง กายที่แข็งแรง คือกายที่เคลื่อนไหว" นั่นเอง
หากใครที่กำลังสนใจการวิ่งสมาธิขึ้นมาบ้างแล้ว อย่ารอช้า เตรียมตัวและเตรียมใจให้พร้อม แล้วออกไปวิ่งสมาธิเพื่อสุขภาพร่างกาย และจิตที่ดี ไม่ว่าที่ไหนก็วิ่งสมาธิได้ สิ่งสำคัญคือการทำอย่างสม่ำเสมอแล้วผลที่ดีจะเกิดขึ้นกับตัวเรา