‘วิ่งสมาธิ’ ชัดเจนกับตัวเองละเอียดอ่อนต่อผู้อื่น
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แฟ้มภาพ
กระแสการวิ่งโตพร้อมกับตลาดของนวัตกรรมของอุปกรณ์ออกกำลังกาย เช่นเดียวกับการเติบโตทางจิตใจ การวิ่งไม่เพียงสร้างภูมิคุ้มกันทางสุขภาพที่ลดการเจ็บป่วย ขณะเดียวกันยังช่วยฝึกจิตใจให้เข้มแข็งไปพร้อม ๆกัน…
กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย และมูลนิธิสมาพันธ์ชมรมวิ่ง เพื่อสุขภาพไทย จัดกิจกรรมเดิน-วิ่งดิน-วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ถือศีลห้า ลด ละ อบายมุข ประจำปี 2559 ขึ้นซึ่งจัดขึ้นทั่วประเทศเป็นประจำทุกปีเนื่องในวันวิสาขบูชา ปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 15 สถานที่เปิดงานวิ่งอย่างเป็นทางการ ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม
งานนี้มีนักวิ่งร่วม 3,000 คน เข้ามาร่วมงานโดยมี ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มาเป็นประธานเปิดงาน ก่อนจะเริ่มปล่อยตัวนักวิ่งในเวลาเช้าตรู่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา พระสงฆ์ได้แสดงสัมโมทนียกถา "จิตที่แข็งแกร่ง อยู่ในร่างกายที่แข็งแรง" ว่า เมื่อวิ่งด้วยความเชื่อ จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง วิ่งจะมีวิริยะเพราะระหว่างวิ่งเรามีความพยายามอย่างยิ่งยวด ขณะที่เราวิ่งเราก็มีสติกำกับที่กายและมีสมาธิ คือมีใจจดจ่อไปกับการวิ่ง ท้ายที่สุดจะเกิดปัญญา มีความเข้าใจในกิจกรรมที่ทำ ถ้าเราสามารถทำสิ่งใดๆด้วยหลักธรรมโดยมีศีลเป็น พื้นฐาน กิจกรรมนั้น ๆ นอกเหนือการวิ่งจะมีความสำเร็จอย่างงดงาม วิ่งจึงเป็นการออกกำลังกายโดยยึดหลักธรรม
ดร.สุปรีดา กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมโครงการเดิน-วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ถือศีลห้า ลด ละ อบายมุข ประจำปี 2558 พบว่า ผู้เข้าร่วมโครงการร้อยละ 89.6 เห็นว่าโครงการนี้ช่วยให้ตนเองสามารถนำการปฏิบัติสมาธิมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้
ด้าน กันต์ ปั้นภู นักวิ่งที่ปฏิบัติการวิ่งสมาธิผู้ริเริ่มการวิ่งสมาธิ เล่าว่า เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ตัวเองเป็นคนมีน้ำหนักตัวมากกว่า 80 กก. และค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ร้อนจึงคิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เริ่มต้นวิ่งและปฏิบัติธรรมไปพร้อมกัน ได้เรียนรู้ว่าในหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนากล่าวไว้ ว่าเราสามารถกำหนดสติได้ทุกอิริยาบถ ทั้งการนั่ง นอน คือการรู้สึกตัวตลอด เวลาวิ่งก็เช่นกันเมื่อเท้าก้าวลงพื้น เหมือนกับการเดินจงกรม กำหนดลมหายใจไปอยู่ตรงนั้น ไม่ต่างกับการนั่งสมาธิ เมื่อวิ่งเหนื่อย หิวน้ำก็พิจารณาให้รู้ว่าเหนื่อย หิว เป็นเวทนานุปัสสนา การวิ่งไปทำสมาธิไป เปลี่ยนทั้งร่างกายและจิตใจจากบุรุษผู้แบกน้ำหนักว่า 80 กิโลกรัม จนถึงวันนี้น้ำหนักมาอยู่ที่ 60 กก.ใช้เวลาในการวิ่งเฉลี่ย สัปดาห์ละ 3 วันวันละ 10 กม.
"การวิ่งสมาธิทำให้ผมได้กลับมาพิจารณาตัวเอง ได้ฝึกให้เห็นตัวเองแบบชัดๆ หลายครั้งทำให้เกิดความชัดเจนกับตนเองมากขึ้น และยิ่งทำมากเท่าไร ก็สามารถชัดเจนกับ ผู้อื่นได้มากเท่านั้น ยิ่งละเอียดอ่อนกับตนเองได้มากเท่าไร ก็สามารถละเอียดอ่อนกับผู้อื่นได้มากเท่านั้น"
การทำงานของ สสส.มุ่งสร้างสุขภาวะ กาย จิต ปัญญา สังคม ในมิติทางกายมุ่งให้คนมาดูแลสุขภาพออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทางจิตใจมุ่งหาแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสมดุล
ซากีนะห์ แย้มนิยม นักโภชนาการจากโรงพยาบาลพญาไท วัย 52 ปี เลือกมาร่วมกิจกรรมเดิน-วิ่งดิน-วิ่งสมาธิ วิสาขะ ด้วยการวิ่งในระยะทาง 3 กม. นับเป็นการร่วมงานวิ่งครั้งแรกในชีวิต
"ตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าเราจะวิ่งไหวเพราะเราเพิ่งผ่าตัด มา 3 เดือน แต่ก็วิ่งได้นะแม้อายุเราจะเยอะ รู้สึกดีมากที่เราทำได้ ตอนแรกเพื่อน ๆ ก็สบประมาทว่าเราวิ่งไม่ได้ เรารู้สึกดี เงินค่าสมัคร 200 บาทนอกจากได้ทำบุญแล้วยังทำให้เราชนะใจตัวเองได้ มีงานวิ่งครั้งต่อไปจะลงสมัครแน่นอน" นักวิ่งหน้าใหม่บอกเล่าด้วยความดีใจ
วิ่งไม่ต่างจากอะไรกับการทำสมาธิ ถ้าไม่วิ่งร่างกายไม่ได้เรียนรู้สารแห่งความสุขที่วิทยาศาสตร์เรียกว่าเอ็นโดรฟิน ดุจเดียวกับการฝึกสมาธิคือการพาจิตไปเข้าใจวิถีแห่งความสงบเพื่อปลดเปลื้องทุกข์ในชีวิต