‘วิทยาศาสตร์’ มร.ชร. ชู ‘เก๊กฮวย’ ทดแทนข้าวโพด

เรื่องโดย : อาภาวรรณ โสภณธรรมรักษ์ Team content www.thaihealth.or.th


ภาพประกอบจากทีมงานศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและศูนย์บริการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพอาหาร น้ำและผลิตภัณฑ์ มร.ชร.


‘วิทยาศาสตร์’ มร.ชร. ชู ‘เก๊กฮวย’ ทดแทนข้าวโพด thaihealth


‘ศาสตร์พระราชา’ ด้านการขับเคลื่อนและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นสู่การเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ต้องใช้หลักการเข้าใจตัวเอง เข้าถึงปัญหา และนำมาสู่การพัฒนาเพื่อให้เกิดความยั่งยืน


ชุมชนท้องถิ่นจะเข้มแข็งได้ก็ต่อเมื่อเกิดกระบวนการจัดการตนเอง กว่า 8 ปีที่ผ่านมา ที่สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินแผนงานสุขภาวะชุมชน ในการปฏิรูปการปฏิบัติการให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยใช้หลักการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั่นหมายถึง อะไรที่ขาดก็ทำให้เกิดขึ้น อะไรที่ไม่ดีก็ทำให้หมดไปจากชุมชน โดยมุ่งเน้นให้ชุมชนและท้องถิ่นจัดการตนเอง โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏเข้ามาให้ความร่วมมือในด้านวิชาการ ควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชน เพื่อให้ชุมชนกล้าที่จะลุกขึ้นมาพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง และการขยายขอบเขตเครือข่ายของภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้น เพื่อสร้างกำลังที่เข้มแข็งพร้อมทั้งมีการถอดบทเรียน เพื่อให้เกิดเป็นองค์ความรู้พื้นฐานในการสร้างชุมชนที่ยั่งยืน


“คนของพระราชา…ข้าของแผ่นดิน” คือความหมายของ “ราชภัฏ” ที่เหล่านักศึกษา รวมไปถึงครู อาจารย์ ในมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ได้เป็นผู้ทำงานถวายเพื่อสนองพระราชกรณียกิจ ในเรื่องการพัฒนาประชาชนได้มีโอกาสทางการศึกษา และพัฒนาตนเองในทุกๆ ด้าน เพื่อช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นในทุกสถานที่ รวมถึงชุมชนสังคมที่ส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นๆ ยังเข้าไม่ถึง หรือละเลยในการพัฒนา


‘วิทยาศาสตร์’ มร.ชร. ชู ‘เก๊กฮวย’ ทดแทนข้าวโพด thaihealth


เช่นเดียวกันกับ “มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย”  (มร.ชร.) ที่ศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและศูนย์บริการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพอาหาร น้ำและผลิตภัณฑ์ ผศ.ดร.สุทธิพร ธเนศสกุลวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาเศรษฐฺกิจ พลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย บอกกับเราด้วยสายตาที่มุ่งมั่นเกี่ยวกับงานที่กำลังขับเคลื่อน ว่า “วิทยาศาสตร์ เป็นเพียงหน่วยเล็กๆ ในการพัฒนาชุมชน แต่ทั้งหมดที่เราทำก็เพื่อมหาวิทยาลัย สังคม ชุมชน และยกระดับงานวิจัย”


สิ่งที่ศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อฯ ได้ดำเนินการ นั่นคือ โครงการวิจัยการขับเคลื่อนพัฒนาเกษตรยั่งยืน เพื่อทดแทนการปลูกข้าวโพด ในพื้นที่ จ.เชียงราย ผศ.ดร.สุทธิพร เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นการรับทุนอุดหนุนงานวิจัยจาก สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนาการวิจัยแห่งชาติประจำปีงบประมาณ 2556 โดยมีเป้าหมาย เพื่อการพัฒนาประเทศในกลุ่มเรื่องเกษตรพื้นที่สูง โดยคัดเลือกพันธุ์และการขยายพันธุ์พืชเก๊กฮวยสะโง๊ะ ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรตามหลักเกษตรอินทรีย์ และสร้างความเข้มแข็งบนพื้นที่สูง ให้เพียงพอต่อความต้องการโครงการหลวงสะโง๊ะ พร้อมทั้งการสร้างองค์ความรู้ในการปลูกดอกเก๊กฮวย 


‘วิทยาศาสตร์’ มร.ชร. ชู ‘เก๊กฮวย’ ทดแทนข้าวโพด thaihealth


“วิทยาศาสตร์ต้องไม่คอแข็ง หรือเก่งเฉพาะทาง และทำงานวิจัยอยู่ในห้องแลปเท่านั้น เราสนับสนุนให้เกิดนักวิจัยรุ่นใหม่ๆ ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย ขับเคลื่อนงานวิทยาศาสตร์ลงสู่ชุมชน และนำเอาบริบทชุมชนเป็นตัวตั้ง ลงพื้นที่และรับใช้ชุมชน เพราะนักวิจัยต้องมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน ผลักดันเกิดนวัตกรรมขึ้นในท้องถิ่น” ผศ.ดร.สุทธิพร เผย


ในปี 2558 ได้รับอุดหนุนทุนการทำวิจัย ‘โครงการจัดการความรู้การวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์ในมิติเชิงชุมชน-สังคม’ โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้การปลูกเก๊กฮวยตามแนวทางเกษตรอินทรีย์สู่ชุมชนตำบลแม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยมีศูนย์การเรียนรู้โรงเรียนสามัคคีพัฒนา เป็นศูนย์การการเรียนรู้ของชุมชน  และเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างคน สร้างงาน สร้างรายได้


ในที่สุด “รั้วกันภัยที่มีชีวิต” จึงเกิดขึ้นในแนวชายแดนประเทศไทย-พม่า ที่ดอยสะโง๊ะ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ทุ่งดอกเก๊กฮวย ถูกปลูกเป็นแนวยาว ออกดอกเหลืองอร่ามงดงามไปทั่วผืนดิน โดยพลิกฟื้นจากการปลูกไร่ข้าวโพด มาเป็นการปลูกเก๊กฮวยตามแนวทางเกษตรอินทรีย์ ที่สามารถส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ในชุมชน ลดปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สร้างแนวทางการทำเกษตรยั่งยืน เพื่ออนุรักษ์ดิน และทำให้น้ำในผืนป่าต้นน้ำใสสะอาด ปลอดภัยจากสารเคมี  


‘วิทยาศาสตร์’ มร.ชร. ชู ‘เก๊กฮวย’ ทดแทนข้าวโพด thaihealth


– โมเดล School – University Partnership –


โครงการวิจัยฯ ได้นำ โมเดล School – University Partnership ซึ่งนำต้นแบบจากประเทศอังกฤษมาประยุกต์กับบริบทของพื้นที่ ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยมี ‘โรงเรียนสามัคคีพัฒนา’ เป็นฐานการเรียนรู้สู่ชุมชน โดยปลูก ‘เก๊กฮวย’ เป็นพืชทดแทนข้าวโพด โดยสร้างฐานเรียนรู้ที่มีส่วนร่วม และสร้างรายได้ให้แก่โรงเรียนอีกด้วย


“เราเริ่มจับมือกับโรงเรียนก่อนเป็นอันดับแรก และเมื่อโรงเรียนดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมและเห็นผลสำเร็จในการมีรายได้อย่างจริงจัง จึงนำพาผู้ปกครองที่เป็นเกษตรกรมาเข้าร่วม โดยเริ่มต้นจากบ้านหัวแม่คำ บ้านม้งเก้าหลัง บ้านม้งแปดหลัง บ้านห้วยกระ และบ้านสันมะเค็ด จากจำนวนเริ่มแรกเพียง 20 ราย นำแนวทางการปลูกเก๊กฮวยตามหลักอินทรีย์ไปทำในพื้นที่จริง จนปัจจุบันมีจำนวนเกษตรกรเพิ่มขึ้นถึง 76 ราย” ผศ.ดร.สุทธิพร เล่าให้ฟัง


‘วิทยาศาสตร์’ มร.ชร. ชู ‘เก๊กฮวย’ ทดแทนข้าวโพด thaihealth


– ปลูก “เก๊กฮวย” ทดแทนข้าวโพด –


เมื่อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีถูกปรับใช้ร่วมกับกระบวนการทางสังคมอย่างลงตัวในบริบทพื้นที่ ต.เทอดไทย ทำให้ ‘เก๊กฮวย’ กลายเป็นพระเอกในพื้นที่ไปโดยปริยาย ‘พันธุ์สีเหลือง’ ถูกคัดเลือกให้ปลูกในพื้นที่ทำการวิจัยเนื่องจากมีสีสวย กลิ่นหอม รสชาติหวานเหมือนน้ำผึ้ง  นอกจากนี้ทางศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อฯ ยังดำเนินการวิจัยพืชเศรษฐกิจ รวมไปถึงพืชอื่นๆ เพื่อปลูกทดแทนไร่ข้าวโพดที่ค่อยๆ ทำลายป่าไม้ทางภาคเหนือลงไปทุกวันๆ


จากการวิจัยพบว่า การปลูกเก๊กฮวยตามแนวทางเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีต้นทุนด้าน 'แรงงาน' เพียงอย่างเดียว เนื่องจากในต้นเก๊กฮวยมีกลิ่นเฉพาะตัว ที่แมลงไม่อาจเข้าใกล้และทำลายได้ รวมถึงไม่ชอบปุ๋ยและยา เกษตรกรจึงไม่ต้องหันไปพึ่งพายาฆ่าแมลงหรือปุ๋ยเคมีใดๆ และเมื่อเปรียบเทียบกับการปลูกข้าวโพด พบว่า เก๊กฮวยให้ผลตอบแทน 28,000 – 30,000 บาท/ไร่ ขณะที่ ข้าวโพดให้ผลตอบแทน 5,000 – 7,000 บาท/ไร่


ความหวังและทางเลือกใหม่ของเกษตรกรจึงเกิดขึ้นในพื้นที่ เพราะพลิกฟื้นผืนดินบ้านเกิดของพวกเขาให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ที่เดินตามศาสตร์ของพระราชา แม้ว่าข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้สื่อสารเป็นทางการถึงหน่วยงานเกษตรในระดับพื้นที่ แต่เชื่อได้ว่าองค์ความรู้จากนักวิจัยของ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ที่ตั้งใจพัฒนาชุมชนของตน จะทำให้ท้องถิ่นสามารถจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของหลักการ “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา”


‘วิทยาศาสตร์’ มร.ชร. ชู ‘เก๊กฮวย’ ทดแทนข้าวโพด thaihealth

Shares:
QR Code :
QR Code