ที่มา :  มติชน

แฟ้มภาพ

ช่วงหน้าฝนหรือช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุมักได้รับผลกระทบต่อสุขภาพได้ง่าย จึงควรหันมาใส่ใจสุขภาพของตนเองให้มากขึ้นเป็นพิเศษ

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย ให้ข้อมูลว่า ควรเลือกกินผักสมุนไพรและผลไม้รสเปรี้ยว เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคไข้หวัด เพราะหากป่วยเป็นไข้หวัดและไม่มีการดูแลสุขภาพที่ดี อาจส่งผลให้เป็นโรคหลอดลมอักเสบและโรคปอดบวมในที่สุด

นอกจากนี้ ต้องหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน อาทิ เดินเร็วๆ วิ่งเหยาะๆ ขี่จักรยาน เล่นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง รำมวยจีน หรือทำงานบ้าน เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน ซึ่งการเริ่มต้นออกกำลังกายนั้น ควรเริ่มจากเบาๆ ระยะเวลาน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายปรับตัว จากนั้นจึงเพิ่มความแรงหรือความหนักและการออกกำลังกายในแต่ละครั้ง โดยทำให้รู้สึกหายใจเร็วขึ้น ไม่จำเป็นต้องหนักหรือเหนื่อยมาก ไม่ต้องถึงกับหอบหรือหายใจไม่ทัน โดยทำเป็นประจำสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที ก็จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานและมีสุขภาพแข็งแรงในช่วงหน้าฝน และยังส่งผลต่อการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวด้วย

พญ.สายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวเสริมว่า ผักสมุนไพรไทยที่ควรกินเพื่อสร้างภูมิต้านทานในช่วงหน้าฝน ได้แก่ กระเทียม หอม กระชาย ขิง ข่า ตะไคร้ มะระ ผักหวาน ขี้เหล็ก ใบกะเพรา มะเขือเปราะ และมะนาว ผักสมุนไพรเหล่านี้สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่นและเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเผ็ดร้อนที่บรรเทาอาการของไข้หวัดและเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมรับกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงหน้าฝน และควรกินผลไม้ตามฤดูกาลที่ให้ผลผลิตในช่วงหน้าฝน เช่น ฝรั่ง ส้มโอ มะเฟือง ส้มเขียวหวาน และกล้วยน้ำว้า เป็นต้น เนื่องจากมีราคาถูกและมีสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงน้อยกว่าผลไม้นอกฤดูกาล

ผักและผลไม้เหล่านี้ เป็นแหล่งของวิตามินแร่ธาตุและใยอาหารสูง โดยเฉพาะวิตามินซีที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายและต้านโรคหวัด พร้อมแนะนำเรื่องการปรุงอาหารที่ไม่ควรใช้ความร้อนนานเกินไป เพราะจะทำให้วิตามินซีในผักและผลไม้ถูกทำลาย หรือใช้วิธีกินผักผลไม้สดแทน ก็จะทำให้ได้รับคุณค่าวิตามินซี แร่ธาตุ และใยอาหารที่ครบถ้วน