วิตกเด็กไทย 1.6 ล้านคน ด้อยสัมพันธภาพ
เหตุขัดผู้ปกครองเรื่องเงินกับเพื่อน
ในขณะที่วัยรุ่นต่างเฝ้ารอคอยเทศกาลวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก ผลสำรวจสุขภาวะครอบครัวในสังคมไทยกลับพบเรื่องน่าวิตก โดยเมื่อวันที่ 12 ก.พ. อาจารย์ศิวพร ปกป้อง รองผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัวในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยศึกษาสถานการณ์ของครอบครัวไทย เปิดเผยว่า สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว จัดทำโครงการเพื่อศึกษาสถานการณ์ของครอบครัวไทย ในหัวข้อ “สุขภาวะครอบครัวในสังคมไทย” ระหว่างวันที่ 24-27 ม.ค. 2552 โดยการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณในลักษณะการทำสำรวจประชามติสอบถามกลุ่มตัวอย่าง 5,100 ตัวอย่างทั่วประเทศ แบ่งเป็น กลุ่มเด็กและวัยรุ่น อายุ 11-22 ปี 2,550 คน และกลุ่มบิดา มารดา หรือบุคคลที่ทำหน้าที่ผู้ปกครอง หรือให้การอุปถัมภ์ เลี้ยงดู เด็กหรือเยาวชนที่อายุระหว่าง 11-22 ปี 2,550 คน
จากการสอบถามถึงสัมพันธภาพ ระหว่างเด็ก และผู้ปกครอง ทั้ง 2 กลุ่มตัวอย่าง ปรากฏว่า ส่วนใหญ่สัมพันธภาพระหว่างเด็กและผู้ปกครองอยู่ในระดับปานกลาง โดยมากกว่าร้อยละ 11 ระบุตรงกันว่าสัมพันธภาพระหว่างเด็กและผู้ปกครองไม่ค่อยดี และร้อยละ 14 ระบุตรงกันว่า เด็กกับผู้ปกครองไม่ค่อยเข้าใจกัน โดยกลุ่มตัวอย่างทั้งเขตเมืองและชนบทมีผลสำรวจไม่แตกต่างกัน “ผลสำรวจที่ปรากฏสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยซึ่งปัจจุบันมีประชากร 17.9 ล้าน ครอบครัวนั้น มีถึง 2.5 ล้านครอบครัว หรือมีเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 11-22 ปี เกือบ 1.6 ล้านคน ที่อยู่ในภาวะด้อยสัมพันธภาพ ประเด็นหลักที่เด็กเห็นไม่สอดคล้องกับผู้ปกครองมากที่สุดคือ เรื่องการใช้เงิน ส่วนประเด็นที่ผู้ปกครองไม่พึงพอใจเด็กมากที่สุดคือ การคบเพื่อน”
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
update 13-02-52