วัยรุ่นก้าวถลำเปิดใจภัยร้ายการพนัน
เหยื่อการพนันเปิดใจเคยเป็นเจ้ามือเปิดโต๊ะบอล หมดตัว เรียนไม่จบ แฉอบายมุขชุก ไม่เว้นยามในหอพักยังทำอาชีพเสริมเดินโพยบอล ขณะที่อีกคนเผยก่ออาชญากรรมหาเงินเล่นพนัน สุดท้ายถูกจับดำเนินคดี พร้อมฝากอุทาหรณ์เตือนใจเยาวชนถอยห่างพนัน ด้านเครือข่ายหยุดพนันวอนรัฐลดปัจจัยเสี่ยง คุมออนไลน์ อย่าส่งเสริมการพนัน
ที่ลานวิคตอรี่พอยต์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กทม. เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์หยุดพนัน เพื่อให้เกิดการเฝ้าระวังจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ได้มีการเสวนาในหัวข้อ “เปิดใจ 2 เหยื่อพนัน…ที่เดิมพันด้วยอนาคต” โดยนายเอ (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 21 ปี ที่ต้องสูญเสียโอกาสทางการศึกษาเพราะการพนันกล่าวว่า เริ่มเล่นพนันตอนอายุประมาณ 18 ปี ขณะกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ตอนนั้นเช่าหอพักอยู่ใกล้สถาบัน ซึ่งเป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยการพนัน ทั้งตู้ม้า สล็อต พนันบอล จากปกติเป็นเด็กต่างจังหวัดไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้ จึงอยากรู้ อยากลอง อยากสนุก และก็เล่นมาเรื่อยๆต่อมาอยากมีเงินมากขึ้นจึงลงทุนหุ้นกับเพื่อนคนละ 50,000บาท เปิดโต๊ะรับแทงบอล ซึ่งเงินที่ใช้ลงทุนก็ได้มาจากการโกหกแม่ว่าเรียนพิเศษ จ่ายค่าเทอม ทำรายงาน ซื้อโน้ตบุ๊ก พอเปิดโต๊ะบอลได้สักพักก็มีนักศึกษาเข้ามาเล่นเป็นจำนวนมากจนรับแทงไม่ไหว ระยะหลังๆ เริ่มไม่มีเงินจ่าย และแม่เริ่มจับได้ อย่างไรก็ตาม ตนต้องเสียเวลาเกือบ 3ปีที่อยู่ในวงจรการพนัน และเชื่อว่าปัจจุบันย่านที่ตนเคยอยู่ก็ยังเป็นแหล่งอบายมุขทุกรูปแบบเหมือนเดิม เพราะแถวนั้นมีหอพักนักศึกษาเป็นจำนวนมาก แม้แต่ รปภ.ในหอพักเองก็ทำอาชีพเสริมด้วยการเดินโพยรับแทงบอล
“สิ่งที่ทำให้ผมกลับตัวใหม่ได้คือแม่ เพราะการใช้ชีวิตในโต๊ะบอลผมไม่เคยมีความสุขเลย การโกหกของผมทำให้แม่เริ่มสงสัยและจับได้ แม่เสียใจมาก ร้องไห้ทุกครั้งที่คุยกัน ผมรู้สึกผิด จึงกลับไปที่บ้าน บอกความจริงทั้งหมด ผมกราบเท้าขอโทษแม่ และโชคดีที่แม่ยังให้โอกาสผมกลับใจ วันนี้ผมกำลังพิสูจน์ตัวเองและเริ่มต้นเรียนใหม่อีกครั้ง มาร่วมกับเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน นำบทเรียนชีวิตที่ผิดพลาดของผมเล่าให้น้องๆ นักเรียน นักศึกษาฟัง เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจและขอให้เชื่อเถอะว่าการพนันไม่ทำให้เรารวยอย่างแน่นอน ไม่ต้องลอง ไม่ต้องพิสูจน์ ตั้งใจเรียน และทำงานสุจริตดีกว่า” นายเอกล่าว
ขณะที่นายบี (นามสมมติ) อายุ 20ปี เยาวชนจากศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษกกล่าวว่า ในช่วงที่ตนเป็นวัยรุ่นอาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพัง พ่อเสียชีวิตตั้งแต่ตนยังเด็ก ส่วนพี่ชายก็แยกครอบครัวออกไป ประกอบกับแม่ต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดเป็นประจำ ทำให้ตนต้องอยู่บ้านคนเดียวมาโดยตลอด และก้าวเข้าสู่สังคมการพนันตอนอายุ 13 ปี เริ่มจากเพื่อนข้างบ้านชวนไปเล่นสนุ้กที่โต๊ะสนุ้กข้างบ้านและเริ่มมีการพนันเข้ามาในการเล่นสนุ้ก และที่โต๊ะสนุ้กยังมีบริการรับแทงพนันบอล ทำให้รายรับไม่พอกับรายจ่าย ตอนแรกใช้วิธีแทงบอลปากเปล่า แต่พอแทงเยอะแล้วเสีย ไม่มีเงินจ่าย เลยเริ่มคิดหาเงินด้วยการขโมยของในบ้านไปขายจนแม่สงสัย ก็เปลี่ยนจากขโมยของในบ้านมาสู่การขโมยรถจักรยานยนต์ไปขาย ซึ่งร้านรับซื้อก็อยู่ใกล้ๆ บ้าน หนึ่งคันจะได้เงินประมาณ 6,000-7,000 บาท เงินที่ได้นำไปแบ่งกันและนำไปเล่นพนันสนุ้กและพนันฟุตบอล
“จุดหันเหชีวิตของผมเริ่มเมื่อตอนอายุ 17 ปี นอกจากจะเล่นพนันบอลและสนุ้กแล้ว กลุ่มเพื่อนๆ ก็เป็นพวกเลือดร้อน พอเจอนักเรียนโรงเรียนคู่อริก็ตีกันจนกระทั่งมีคนตาย และผมถูกดำเนินคดีและมาอยู่ที่บ้านกาญจนาภิเษกจนถึงปัจจุบัน ผมอยากจะฝากน้องเยาวชนทั้งหลายที่กำลังเล่นหรือคิดจะเล่นพนันทั้งสนุ้กหรือพนันฟุตบอล ขอให้คิดว่าการพนันทุกชนิดมีแต่เสีย แล้วเมื่อเราเสียเราจะมีเงินจ่ายให้กับโต๊ะได้หรือเปล่า เราเล่นได้ 1 ครั้ง แต่เสียไป 4-5 ครั้ง มันคุ้มกันหรือเปล่า คนที่เล่นเป็นเพียงเหยื่อของโต๊ะ” นายบีกล่าว
นายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า กลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อของการพนันมากที่สุดคือเด็กและเยาวชนสถานการณ์การพนันขณะนี้ระบาดมาก การพนันเข้ามาใกล้ตัวลูกหลานเรามากกว่าที่พ่อแม่คิด เพราะมีการแปลงโฉมไปเยอะ มีการพนันใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับสื่อออนไลน์และชีวิตที่ทันสมัยมากมาย มีกระบวนการเข้าถึงตัวเด็กผ่านสารพัดสื่อและล่อหลอกอย่างแยบยลจนเด็กๆ รู้ไม่เท่าทัน แรกๆ เด็กก็คิดแค่อยากรู้อยากลอง คิดว่าไม่เป็นไร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แค่พนันข้าวจาน น้ำหวานขวด แต่มากเข้าๆ ก็กลายเป็นเงินจำนวนมหาศาล
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์