“วัดสร้างสุข ฟื้นคืนวิถีชุมชน”ด้วย 5ส.
เรื่องโดย : นายฉัตร์ชัย นกดี team content www.thaihealth.or.th
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ และ www.facebook.com/watsangsook
ข้อมูลจาก หนังสือวัดสร้างสุข โลกแห่งสัปปายะ
แฟ้มภาพ
วิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทย มีวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นเสาหลักในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในการดำเนินชีวิต วัดจึงถือเป็นสถานที่สำคัญต่อวิถีชีวิตคนไทยเสมอมา
เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอย่าง “วันมาฆบูชา” ทีมเว็บไซต์ สสส. มีโครงการดีๆ ที่ได้ทำบุญทั้งกายและใจมาเล่าสู่กันฟัง
“โครงการวัดสร้างสุข” ที่สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ได้ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินโครงการเพื่อพัฒนารูปแบบและแนวคิดของ 5ส ซึ่งประกอบไปด้วย สะสาง สะดวก สะอาด สร้างมาตรฐาน และสร้างวินัย ลงสู่บริบทของวัด เพื่อส่งเสริมให้วัดเป็นพื้นที่แบบอย่าง ทั้งด้านกายภาพและด้านจิตใจ อันเป็นการขยายผลแนวคิดของ 5ส สู่ประชาชนทั่วไปโดยมีวัดเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทอด เพื่อให้สังคมไทยตื่นตัวเรื่องการช่วยเหลือสังคม ทำให้เกิดสังคมสุขภาวะ ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้กระบวนการจัดการเพื่อนำไปสู่สังคมที่มีความสุข
“นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์” ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. เล่าว่า การนำแนวคิดเรื่องการจัดการแบบใหม่ 5ส ซึ่งเป็นระบบที่ใช้เพื่อปรับปรุงแก้ไขงานและรักษาสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานให้ดีขึ้น เป็นที่นิยมในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตมาใช้ในการพัฒนาวัดให้เป็นสถานที่สัปปายะ ด้วยความร่วมมือระหว่างสามประสาน คือวัด ชุมชน และบริษัทเอกชนที่มีองค์ความรู้ด้านการจัดการแบบ 5ส มาใช้เพื่อสร้างความสัปปายะ
อันหมายถึงความเป็นอยู่ที่สบาย คือทำให้วัดเป็นอาราม รื่นรมย์เจริญตาเจริญใจแก่ผู้พบเห็นเป็นระเบียบ พัฒนาวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนด้านจิตใจ และสนับสนุนให้พระสงฆ์เป็นผู้นำกระแสในเรื่อง 5ส สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะแบบองค์กร ทั้งด้านสุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางจิต สุขภาวะทางสังคม และสุขภาวะทางปัญญา
หลายคนคงรู้จัก 5ส และคงเคยทำ 5ส ในที่ทำงานหรือในบริษัทกันมาบ้างแล้ว แต่จะมีซักกี่คนที่นำหลักการของ 5ส เอาไปประยุกต์ใช้ที่บ้าน หรือแม้แต่ในสถานที่อื่นๆ เช่น วัด โรงเรียน “ยศณรงค์ เอื้อเฟื้อ” ผู้จัดการโครงการประชารัฐวัดสร้างสุข อธิบายว่า หลักการของ 5ส ประกอบไปด้วย สะสาง คือ เน้นการจัดระบบ ลดสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อให้เกิดความพอดี สะดวก คือ เน้นความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพิ่มความชัดเจนเพื่อความรวดเร็ว สะอาด คือ เน้นตรวจสอบ เพื่อค้นหาสิ่งที่ผิดปกติเพื่อความพร้อมใช้และความปลอดภัย สร้างมาตรฐาน คือเน้นรักษาสภาพ เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานแทนกันได้อย่างถูกต้อง สร้างวินัย คือ เน้นความเข้าใจและความร่วมมือ เพื่อสร้างความสามัคคีและความยั่งยืน
“วัดสร้างสุขจะทำได้อย่างไร” ผู้จัดการโครงการประชารัฐวัดสร้างสุข บอกว่า สภาพของวัดส่วนใหญ่ยังขาดการดูแลรักษา เช่น ห้องน้ำไม่สะอาด ชำรุดไม่พร้อมใช้งาน คลังที่ญาติโยมเบิกยืมของไปใช้ในงานเทศกาลต่างๆ ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นระเบียบ ง่ายต่อการเบิกใช้และนำกลับมาคืนให้คงสภาพเดิม สภาพการใช้วัสดุอุปกรณ์ ไม่มีการเก็บเข้าที่ ไม่มีป้ายชี้บ่ง ไม่มีมาตรฐานในการใช้ให้ผู้มาใช้สถานที่และญาติโยมปฏิบัติตาม การทำสถานที่ให้วัดสะอาด สงบ เหมาะกับการเป็นสถานที่สัปปายะ เมื่อสถานที่ดี พระก็มีสุขภาพดีไปด้วย ประชาชนก็รู้สึกเป็นสุขใจ เมื่อได้เข้าวัดทำนุบำรุงวัด จึงเป็นที่มาของคำว่า “วัดสร้างสุข”
“ผลลัพธ์ของการนำแนวคิดวัดสร้างสุขมาใช้นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ และจิตใจ โดยด้านกายภาพ คือการพัฒนาวัดให้เป็นสถานที่อันสงบสุข ศูนย์กลางชุมชน เป็นแหล่งที่พึ่งทางใจ การจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพให้มีการสะสาง แยกหมวดหมู่จัดระเบียบสิ่งของเพื่อความสะดวก มีการทำความสะอาด และสร้างมาตรฐานให้มีการปฏิบัติและปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ตลอดจนการสร้างวินัย ให้มีการรักษามาตรฐานให้มีการปฏิบัติและปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
นำมาซึ่งสุขภาพที่ดี ทั้งของพระสงฆ์ ฆราวาส ทั้งในส่วนวัดและวัดจะเป็นแหล่งสำคัญในการขยายความรู้ด้านการจัดการอย่างมีสุขภาวะสู่ชุมชน สถานประกอบการ เมื่อวัดเป็นสถานที่สร้างสุข ประชาชนก็จะหันมาเข้าวัดมากขึ้นสร้างสมดุลของชีวิตแบบมีสุขภาวะ” ยศณรงค์ บอกทิ้งท้าย
นี้คือตัวอย่างของนวัตกรรมการสร้างสุข ให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ จากสองมือเรา ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และขยายผลออกไปสู่ชุมชนใกล้เคียง โดยเริ่มต้นจากสิ่งเล็กที่เรียกว่า 5ส ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย เพราะต้องอาศัยกำลังใจที่สำคัญในการเริ่มต้น และจะต้องอาศัยความสามัคคี และความเสียสละ ถ้าทำได้อย่างนี้แล้ว ความสุขก็จะเกิดขึ้นกับสังคมไทย