`วัดที่คนไทยอยากเห็น`
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
"วัด" เป็นสถานที่สำคัญต่อวิถีชีวิต"ชาวพุทธศาสนา เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ใช้ประกอบงานพิธีกรรมต่างๆ ตามวัฒนธรรม ประเพณี มีทั้งการบวช การทำบุญในวาระต่างๆ ตลอดจนพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย หรือการละเล่นงานสมโภชก็จัดขึ้นที่วัดด้วยเช่นกัน วัดจึงอยู่คู่กับคนไทยตั้งแต่เกิดจนตาย
แต่ในปัจจุบันหลายคนอาจจะมองวัดเป็นเพียงสถานที่จอดรถ ประกอบพิธีในวันสำคัญทางศาสนา เป็นสถานที่สำคัญทางวัตถุ ความศักดิ์สิทธิ์ ความผูกพันระหว่างคนกับวัดลดน้อยถอยลง ด้วยเหตุนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ร่วมกับสถาบันอาศรมศิลป์ เปิดตัวต้นแบบ "วัดที่คนไทยอยากเห็น" ดึงนักออกแบบรุ่นใหม่พัฒนาวัดให้ตอบโจทย์การใช้งาน ในโครงการ "วัดบันดาลใจ"
โครงการ "วัดบันดาลใจ" จัดขึ้นเพื่อรวบรวมแนวคิดและสร้างแรงบันดาลใจในการพลิกฟื้นวัด ให้มีจุดร่วมกับสภาพสังคมปัจจุบันมากขึ้น ภายในงานมีนิทรรศการจัดแสดงผลงานการออกแบบวัดยุคใหม่ ซึ่งอาจจะไม่ได้หมายถึงการสร้างวัดใหม่ แต่เป็นการปรับรูปแบบการใช้งานบางส่วน เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านต่างๆ ให้กับวัด โดยแสดงให้เห็นตัวอย่างของปัญหาและแนวทางแก้ไขที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ซึ่งทั้งหมดออกแบบโดยอาสาสมัครจากโครงการวัดบันดาลใจ
นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร กล่าวว่า โครงการวัดบันดาลใจถือว่าเป็นหนึ่งในการพัฒนาพื้นที่วัดให้เป็นศูนย์เรียนรู้สุขภาวะของเมือง ตอบโจทย์การพัฒนาสุขภาวะทั้ง 4 มิติ ทั้งกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ โดยพลิกฟื้นทุนทางธรรมชาติ ทุนทางวัฒนธรรม กิจกรรมและการจัดการเพื่อดึงคนยุคใหม่กลับเข้าวัด สิ่งสำคัญในการทำงานคือ การสร้างความเข้าใจกับวัด ชุมชน และองค์กรท้องถิ่น เพื่อหาจุดสมดุลร่วมกันในการจัดทำผังแม่บทในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม กิจกรรมและพื้นที่โดยรอบ และเลือก 9 วัดนำร่องโครงการ ซึ่งถือว่าเป็นวัดตัวแทนของวัดประเภทต่างๆ ทั้งวัดกลางเมือง วัดตามวิถีบวร วัดป่าสายปฏิบัติ วัดกับการเป็นศูนย์เรียนรู้ของชุมชน วัดพัฒนาโบราณสถานที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม และสามารถเป็นแรงผลักดันให้กับวัดทั่วประเทศ จนเกิดเป็นเครือข่ายเรียนรู้ระหว่างพระสงฆ์และฆราวาส โดยมีการประยุกต์ระหว่างกิจกรรมเดิมที่วัดเข้ากับกิจกรรมธรรมะร่วมสมัยโดยไม่ขัดกับวิถีเดิมของวัด
ปริยาภรณ์ สุขกุล ผู้จัดการโครงการวัดบันดาลใจ สถาบันอาศรม กล่าวว่า โจทย์ที่ได้จาก สสส. คือ ทำอย่างไรถึงจะสามารถพลิกฟื้นวัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางจิตวิญญาณ สร้างสุขภาพกาย ใจ และสังคมได้ ในปีนี้ได้เริ่มต้นไปแล้ว 9 วัด และจะขยายเพิ่มไปให้เป็น 40 วัด ในปีที่ 2 แนวทางการออกแบบของทีมสถาปนิก นอกจากใช้องค์ความรู้ของตัวเองแล้ว ยังมาจากการพูดคุยกับชุมชน เพื่อการจัดสรรพื้นที่ และมีพื้นที่ที่เป็นความร่มรื่นภายในวัด โดยเฉพาะวัดในเมือง มีการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ เช่น "การลดภาวะวัดร้อน" พื้นที่ส่วนใหญ่กลายเป็นที่จอดรถหรืออาคาร จึงต้องมาวางผังการจัดการพื้นที่ใหม่ ทำให้พื้นที่เหล่านี้รวมกับพื้นที่สีเขียวให้ได้ เป็นต้น หรือการออกแบบ "สบายอาราม" ที่วัดส่วนใหญ่มักขยายอาคารก่อสร้างโดยไม่มีผังรองรับและไม่เหลือพื้นที่โล่ง ซึ่งทางทีมงานจะลงไปช่วยวางแผนจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้เต็มที่มากยิ่งขึ้น
วัดนำร่องในโครงการวัดบันดาลใจทั้ง 9 วัดนั้น จะประกอบด้วย 1.วัดสุทธิวราราม กรุงเทพฯ 2.วัดนางชี กรุงเทพฯ 3.วัดชลประทาน รังสฤษฏ์ (อารามหลวง) นนทบุรี 4.ม.มหาจุฬา ลงกรณราชวิทยาลัย และวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ พระนครศรีอยุธยา 5.วัดภูเขาทอง พระนครศรีอยุธยา 6.วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เชียงใหม่ 7.วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร นครพนม 8.วัดป่าโนนกุดหล่ม ศรีสะเกษ และ 9.วัดศรีทวี นครศรีธรรมราช
ชัชนิน ซัง หนึ่งในทีมสถาปนิกของโครงการ เล่าว่า รับผิดชอบการออกแบบภายในให้กับหอสมุดวัดศรีทวี นครศรีธรรมราช ยอมรับว่าการออกแบบให้กับวัดถือเป็นสิ่งที่ยากที่สุด เพราะไม่ได้ตอบสนองเฉพาะความสวยงาม ความพึงพอใจ เท่านั้น แต่ต้องตอบโจทย์การใช้งาน แถมต้องให้สวย แต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ ปัญหาที่เราพบส่วนใหญ่ของการก่อสร้างวัดคือ การใช้พื้นที่ยังไม่ค่อยได้ประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยส่วนตัวได้รับมอบหมายให้ออกแบบห้องสมุดของวัดซึ่งเลือกใช้สีอ่อน เพื่อให้ดูกว้าง โปร่ง ไม่อึดอัด เฟอร์นิเจอร์มีฟังก์ชันที่ครบครัน ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้ได้มากที่สุด อาชีพสถาปนิกนั้นหลายคนไม่ได้มีโอกาสที่จะทำงานเกี่ยวกับวัด การได้ช่วยเหลือแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก แต่เชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ อีกส่วนก็คือการจัดสรรพื้นที่การจราจรในวัด การที่เราลงไปในพื้นที่จึงเริ่มตั้งแต่ลงไปคุยกับวัด ถามความต้องการว่าต้องการแบบไหนอะไร อย่างที่อยุธยาได้จัดสรรพื้นที่การจอดรถ เพราะถ้ามีรถยนต์วิ่งไปที่ไหนก็ได้ในวัด มันก็จะทำให้เกิดทั้งมลพิษและเสียงรบกวน
ผลงานจากโครงการในครั้งนี้จะจัดแสดงที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (Bacc) ในนิทรรศการ "W(H)at if.Forum & Exhibition : ถ้าวัด…ในวันนี้ จะเป็นวัดที่คนไทยอยากเห็น" ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 21-26 ก.พ.2560