วัดต้องปลอดเหล้า!!

ต้องบังคับและปลูกสำนึก

 

 วัดต้องปลอดเหล้า!!

          วันที่ 21 กุมภาพันธ์ผ่านมาตรงกับวันมาฆาบูชาวันสำคัญทางพระพุทธศาสนามีกิจกรรมครั้งสำคัญที่มีการร่วมกันคิดร่วมกันดำเนินการคือวัดสวนแก้ว สสส. รวมถึงรัฐบาลด้วยตั้งความหวังว่าจะขับเคลื่อนไปสู่การมีความสุขสงบของประชาชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืน แต่กิจกรรมกลับไม่ได้ใหญ่โตมโหฬารอะไรพอที่จะสร้างกระบวนการให้ไปสู่วัตถุประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว

 

          กิจกรรมที่ว่าคือการจัดแถลงข่าว “วัดปลอดเหล้าถวายเป็นพุทธบูชา” ที่ลานธรรมวัดสวนแก้ว เขียนไปเมื่อตอนที่แล้วตรงกับวันมาฆบูชาพอดีนั่นแหละหัวข้อ “วัดต้องปลอดเหล้า” ในความเป็นจริงวัดหลายพันหลายหมื่นวัดดูเหมือนจะปลอดเหล้า คือปลอดจากคนภายนอกบ้าง เช่น พวกเอาผ้าป่ากฐินไปทอด วัดจำนวนหนึ่งจะมีกฏระเบียบชัดเจนพวกเอาบุญไปวัดรีบล่ำลาพระไปพ้นประตูวัดก็ฉลองบุญด้วยเหล้าด้วยเบียร์

 

          แต่ยังมีวัดอีกมากมายที่ไม่ใช่คนนอกเอาเหล้าเข้าไปในวัด ก็คนในนั่นแหละจะใครที่ไหนก็ลูกศิษย์วัด โดยเฉพาะวัดในกรุงเทพมหานคร วัดดในเมืองใหญ่ๆ อันเป็นที่พึ่งพิงของนักเรียนนักศึกษา พระไม่ได้เต็มใจให้ทำ เพียงแต่พระตามไม่ทัน พระไม่ได้เอาใจใส่อย่างเข้มงวดกวดขัน

 

          ดีไม่ดีวัดที่บอกว่าเข้าโครงการที่เริ่มนำร่องในจังหวัดนครราชสีมา 100% นั่นจริงๆ อาจไม่ 100% ก็ได้ เพราะมีหลายวัดในเมืองโคราชมีพระเณรร่วมกับเด็กวัดเสพสีกาสุราเมาถูกจับกุมชั่วไม่กี่ปีมานี่เอง

 

          วันแถลงข่าววัดปลอดเหล้าทั่วไทยถวายเป็นพุทธบูชาที่ว่าเป็นกิจกรรมเล็กๆ ต้องย้ำด้วยว่าเล็กกระจิ๋วหลิว แม้จะมีสื่อมวลชนไปทำข่าว ถึงจะมีพระดังอย่างหลวงพ่อพยอม กัลยาโณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ นพ.วิชัย โชควิวัฒน์ จาก สสส.ไปร่วมแถลงข่าวแต่ข่าวออกไปแวบเดียวถึงวันนี้แค่ 7 วันก็เงียบกริบยิ่งกว่าเป่าสากอีก

 

          ลองคิดกันเล่นๆ วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาก็ห่างวันมาฆะแค่ 7 วันเหมือนกัน ข่าวทุกจังหวัดรณรงค์ไม่ให้เยาวชนใช้เป็นวันเผด็จศึกทางเพศแก่กันและกัน เป็นนโยบายจากภาครัฐหรือหน่วยงานบังคับบัญชาเบื้องบน

 

          คิดกันเล่นๆ อีกที ความทุกข์ของผู้คนทั้งประเทศที่เกิดจากน้ำเมานั้น สำคัญน้อยกว่าวัยรุ่นจะเผด็จสวาทกันในคืนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือยิ่งความเป็นจริงน้ำเมาทำให้คนไทยทั้งประเทศเป็นทุกข์ทุกวัน วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก็เป็นหนึ่งในทุกวันที่เยาวชนต้องอาศัยน้ำเมานี่แหละย้อมใจให้กล้าทำในสิ่งที่ยังไม่ควรจะทำ กล้าทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม ที่สุดก็เกิดทุกข์ตามมาเป็นผลพวงอันเกิดมากน้ำเมา

 

          อย่างน้อยในวันที่ 21 ก.พ. วันมาฆบูชาที่ผ่านมาควรจะได้สัมผัสข่าวกิจกรรมความเคลื่อนไหวของวัดทั่วประเทศรณรงค์วัดปลอดเหล้าอย่างพร้อมเพรียงกัน

 

          อีกข้อสังเกตุหนึ่ง วัดปลอดเหล้าถวายเป็นพุทธบูชา ต้องเป็นนโยบายของคณะสงฆ์ที่มหาเถรสมาคมปกครอง มหาเถรสมาคมน่าจะได้แผ่เมตตาแสดงบทบาทเชิญชวนพุทธศาสนิกชนผ่านเป็นนนโยบายให้วัดวาอารามทั่วประเทศทำวัดให้ปลอดเหล้า โดยตรวจตราดูคนในวัดอันมีศิษย์วัดเป็นต้นแอบน้ำเมาไปเสพในวัดหรือเปล่า

 

          เพราะกิจกรรมที่เกิดขึ้นแม้จะมีหลวงพ่อพะยอมที่มีสมณศักดิ์เป็นถึงเจ้าคุณชั้นราช (พระราชธรรมนิเทศ) แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นพระผู้ใหญ่ที่ออกหน้าออกตาแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ จะหาพระผู้ใหญ่ผู้ปกครองต้นสังกัดขานรับสักรูปก็ไม่มี

 

          ฟันธงกันดีกว่าว่า โครงการนี้ยังต้องช่วยกันทำเพื่อให้ประชาชนในประเทศสุขสงบให้ได้ ดังนั้นจึงเสนอว่ารัฐบาลต้องเป็นพุทธบูชาทุกๆ วันไม่ใช่เฉพาะแค่วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาหรือทำวันเดียวแค่วันมาฆะ ทำเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เป็นกำลังสำคัญของวัดทั่วประเทศ

 

          การรณรงค์ในเรื่องนี้นอกจากกฏระเบียบที่วัดจะต้องสร้างขึ้นมาห้ามปรามบรรดานักบุญผ้าป่า กฐินแล้ว ลูกศิษย์วัดก็สำคัญยิ่งนัก เพราะนักบุญนานๆ จะไปแสดงอิทธิฤทธิ์แต่ลูกศิษย์วัดอาจแสดงทุกวันนี่เป็นเรื่องของพระเดช

 

          พระคุณก็จำเป็นต้องแสดงควบคู่กันไปนั่นคือการเทศนาสั่งสอน ปลูกฝั่งให้เห็นโทษของน้ำเมาว่าเป็นอบายมุขที่นำพาไปสู่ความฉิบหายได้ในชั่วพริบตา ทำให้วัดปลอดทั้งออกกฎห้ามทั้งเทศนาปลูกฝังให้เห็นโทษของเหล้าควบคู่กันไปด้วย

 

         

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

 

 

Update 14-07-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code