วงเสวนาถกปัญหา “ท้อง แท้ง ทิ้ง”

เผยแม่วัยใสทำแท้งมากกว่า 1 ครั้ง

 

วงเสวนาถกปัญหา “ท้อง แท้ง ทิ้ง”

 

วงเสวนาถกปัญหา “ท้อง แท้ง ทิ้ง” นักศึกษา ม.เอกชน เผยวินาทีตัดสินใจเลือกอุ้มท้อง กลัวบาป โชคดีได้กำลังใจจากเพื่อน และอาจารย์ไม่ซ้ำเติมให้โอกาสเรียนและสอบ ชี้แม่วัยใสบางคนทำแท้งมากกว่า 1 ครั้ง เหตุไม่พร้อมเลี้ยงดู วอนรัฐเพิ่มกลไกให้คำปรึกษา ด้าน ศูนย์วิจัยปัญหาสุราพบเหล้าเป็นแรงส่ง ทั้งขาดสติ-เพิ่มความเสี่ยง-บังคับให้มีเพศสัมพันธ์แถมไม่ป้องกัน

 

            วันนี้ (26 พ.ย.) ที่ห้องทับทิม โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน เมื่อเวลา 10.00 น. ในงานเสวนา เยาวชนกับปัญหา ท้อง แท้ง ทิ้ง จัดโดย มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก มูลนิธิเพื่อนหญิง มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า

 

            น.ส.เอ (นามสมมุติ) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเยาวชนที่เคยมีประสบการณ์ตั้งครรภ์ในช่วงวัยเรียนแต่ตัดสินใจไม่ทำแท้ง ได้เล่าถึงประสบการณ์ว่า เมื่อช่วงปิดเทอมใหญ่ปลายปี 2552 ตนผิดพลาดจากการคุมกำเนิดจนเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา และทันทีที่รู้ ก็รู้สึกสับสน แต่ก็ไม่ได้คิดจะเอาเด็กออกหรือทำแท้ง  กลับวางแผนเองว่าหลังจากนี้จะใช้ชีวิตและทำอะไรต่อไป เพื่อไม่ให้กระทบกับการเรียน จนกระทั่งเปิดเทอมตนก็ยังมาเรียนตามปกติ โดยขณะนั้นท้องยังไม่โตมาก จึงยังไม่ได้บอกใคร อีกทั้งตนเป็นคนตัวโต และเวลาผ่านไปท้องโตขึ้นโตขึ้น เพื่อนจึงถามว่าท้องใช่หรือไม่ ตนก็ยอมรับตรงๆ ว่าตั้งท้องจริง เพื่อนก็ให้กำลังใจ และแนะนำว่าอย่าไปทำแท้ง ทำให้รู้สึกว่าเราตัดสินใจถูกแล้ว ซึ่งถือว่าเพื่อนที่ดี มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจอย่างมาก

 

            เรื่องนี้อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยก็ทราบ แต่ท่านก็ไม่ได้ซ้ำเติมหรือดุด่าว่าอะไร ทั้งยังคอยให้คำปรึกษา แถมยังให้โอกาสในการมาเรียนหนังสือตามปกติและมีสิทธิ์สอบ แม้ว่าจะขาดเรียนเยอะก็ตาม ในส่วนของเพื่อนๆ ก็ช่วยในเรื่องการเรียนในส่วนที่ขาดเรียนไป และโชคดีด้วยที่ไม่มีใครแนะนำให้ไปทำแท้ง ซึ่งตรงกับความคิดของตน น.ส.เอ  กล่าว

 

            น.ส.เอ กล่าวอีกว่า ในช่วงที่เวลาที่ตนตัดสินใจคิดหลายด้านอย่างรอบคอบ โดยมองถึงชีวิตในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร คิดถึงครอบครัว คิดถึงความตกต่ำของชีวิต แต่ด้วยความที่ตนกลัว จึงตัดสินใจเอาเด็กไว้ ถือว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไร เราเองต่างหากที่ทำผิดพลาดเอง แต่ความคิดของตนก็สวนทางกับความคิดของผู้ใหญ่บางคน ที่คิดแค่เรื่องของชื่อเสียง เสียหน้า ก็จะบังคับให้ไปทำแท้งมากกว่าจะเก็บเด็กไว้ และได้ไปถามผู้ใหญ่ที่เคยทำแท้งมาแล้ว เขาก็จะแนะนำให้ไปทำแท้งดีกว่า

 

นอกจากนี้ น.ส.เอ เปิดเผยด้วยว่า ส่วนใหญ่จะรู้กันว่า ใครที่ผ่านการทำแท้งมา และบางคนที่ทำมาแล้วถึง 2 ครั้งก็มีไม่น้อย โดยเขาจะอ้างเหตุผลในการตัดสินใจทำแท้งด้วยเรื่องของความไม่พร้อมในการเลี้ยงดูลูก แต่สำหรับตนแล้ว ถือว่านั่นเป็นความเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างหนึ่ง ที่เราต้องมีความรับผิดชอบต่อผลที่เรากระทำลงไป จึงไม่ควรลืมอีกชีวิตหนึ่งคือ ทารกในครรภ์ที่จะถูกตัดสินว่า ควรตายโดยที่ไม่มีความผิด เพราะเขาไม่สามารถพูดหรือเรียกร้องอะไรไม่ได้ ดังนั้น สังคมควรจะเลือกว่า จะให้ความสำคัญกับการหาสถานที่ทำแท้ง หรือป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่เหมาะสม  นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างยิ่งคือ การให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสื่อลามกมากกว่า 

 

            นายบี (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ตัวแทนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า  ตนมีแฟนตั้งแต่อายุเพียงแค่ 16 ปี ช่วงนั้นยังเป็นวัยรุ่น มีนิสัยที่เกเร คึกคะนอง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ จนพลาดทำให้แฟนตั้งครรภ์ เมื่อรู้ก็ตกใจมาก สับสน คิดอะไรไม่ออก จนเพื่อนหลายคนแนะนำให้ไปเอาเด็กออก แต่เมื่อพ่อแม่ของแฟนรู้เรื่อง ท่านก็รู้สึกเสียใจมากและทำใจยอมรับให้เอาเด็กไว้ พร้อมรับปากว่าจะดูแลและช่วยเลี้ยงดู จนตอนนี้ลูกตนอายุได้ 4 ขวบแล้ว หน้าตาน่ารักมาก ซึ่งหากวันนั้นตัดสินใจทำแท้ง ก็คงไม่มีโอกาสได้เป็นพ่อคนและได้เห็นหน้าลูก

 

             นายบี กล่าวว่า ด้วยความที่ยังเป็นวัยรุ่น รักเที่ยวรักสนุก ช่วงที่ภรรยากำลังตั้งครรภ์ ตนก็จะชอบไปดื่มเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนเป็นประจำทุกวัน จนไม่คิดว่าจะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาพรากผู้เยาว์ ทำให้ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี เนื่องจากเพื่อนไปขืนใจเด็กผู้หญิง โดยที่ตนสมรู้ร่วมคิด เป็นคนช่วยดูต้นทางก็เลยถูกติดร่างแหไปด้วย หลังจากที่ได้เข้าไปใช้ชีวิตในศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน เขตราชบุรี ก็ทำให้ตนได้รู้ถึงคุณค่าของชีวิต และอยากปรับปรุงตัวเองใหม่ จากนั้นไม่นานก็ทำเรื่องขอย้ายมาอยู่ที่บ้านกาญจนาฯ

 

         อะไรที่ผิดพลาดไปแล้ว ไม่สามารถกลับมาแก้ไขใหม่ได้ แต่ผมเชื่อว่า การป้องกันและให้คำปรึกษาจากครอบครัว จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการใช้ชีวิตในวัยรุ่น ทั้งนี้อยากฝากไปถึงวัยรุ่นทุกคน ควรมีสติก่อนตัดสินใจทำอะไร และอย่ามองว่าเป็นแค่เรื่องสนุกสนาน นอกจากนี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดและเปิดสอนหลักสูตรทักษะการใช้ชีวิต สร้างภูมิคุ้มกัน เสริมกระบวนการช่วยเหลือ แนะนำ ให้โอกาส ไม่ปล่อยให้เขาเลือกไปใช้วิธีการแก้ปัญหาที่ผิดๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ในตำราเรียนอาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้น ควรมีกิจกรรมศึกษาผลกระทบต่อการประมาท  ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมและผลเสียอื่นๆ ตามมานายบี กล่าว

 

          ด้าน เภสัชกรหญิงอรทัย วลีวงศ์ นักวิจัยจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา กล่าวว่า การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเยาวชน เป็นแนวทางหนึ่งในการป้องกัน และลดความเสี่ยงของปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น มาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหา เช่น หอพัก รอบโรงเรียน จำกัดอายุนักดื่ม และห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่เยาวชน รวมทั้ง ควบคุมการตลาดที่มุ่งเป้าไปยังเยาวชน ทั้งนี้ วัยรุ่นอายุระหว่าง 12-19 ปี กลายเป็นนักดื่มเพิ่มขึ้น และมีอัตราการดื่มเป็นประจำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง วัยรุ่นผู้หญิงดื่มร้อยละ 24 ขณะที่วัยรุ่นผู้ชายดื่มร้อยละ 40 และวัยรุ่นผู้ชายที่ดื่มส่วนใหญ่ มีพฤติกรรมการดื่มหนักและดื่มจนมึนเมามากกว่าวัยรุ่นหญิง ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แอลกอฮอล์จะทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ หรือทำให้ผู้อื่นตั้งครรภ์

 

          ภญ.อรทัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ผลวิจัยยังพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อสมอง ทำให้ขาดสติ ขาดการควบคุมตนเอง การยับยั้งชั่งใจ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น และหากดื่มเป็นประจำ จะทำเกิดการกระตุ้นอยากมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และหากดื่มหนักจะยิ่งมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ อีกทั้ง การเริ่มต้นดื่มตั้งแต่อายุยังน้อย การดื่มหนัก การดื่มเป็นประจำ ทำให้มีพฤติกรรมการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย นอกจากนี้ การที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน มักจะพบในกลุ่มที่เป็นนักดื่มหนักและดื่มแบบมีปัญหา และที่น่าเป็นห่วงคือ การมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นครั้งแรก มักเกี่ยวเนื่องกับการดื่มแอลกอฮอล์ และส่วนใหญ่จะไม่หาวิธีป้องกัน

 

 

 

 

 

ที่มา : สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และมูลนิธิเพื่อนหญิง

 

update : 26-11-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code