ลูกโป่งสวรรค์ ห้ามใช้ “ก๊าซไฮโดรเจน”
เตือนลูกโป่งสวรรค์ประดับงาน ห้ามใช้ “ก๊าซไฮโดรเจน” บรรจุ เหตุไวไฟสูง เสี่ยงระเบิดตามกันและไฟลุกไหม้ อันตรายถึงชีวิต แนะใช้ลูกโป่งบรรจุก๊าซฮีเลียมแทน ย้ำจัดวางลูกโป่งต้องพ้นมือเด็ก
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ลูกโป่งสวรรค์มักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข ความสนุกสนานในทุกเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นงานวันเกิด งานแต่งงาน พิธีเปิดงานต่างๆ งานคริสต์มาส และงานปีใหม่ แต่ก็มีเหตุการณ์ระเบิดจากลูกโป่งสวรรค์อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากก๊าซที่บรรจุเข้าไปในลูกโป่งนั้น คือ ก๊าซไฮโดรเจน ที่มีความไวไฟสูง ติดไฟง่ายเมื่อกระทบกับความร้อนหรือประกายไฟ ทำให้เกิดการระเบิดได้
ลูกโป่งสวรรค์ที่บรรจุด้วยก๊าซไฮโดรเจนจึงไม่ควรเล่นกลางแดด ห้ามนำเข้าใกล้หลอดไฟ และหากนำมารวมกันหลายๆ ลูกยิ่งอันตรายมาก เพราะปริมาณก๊าซมากขึ้น และเมื่อเกิดการระเบิดหนึ่งลูก ก็จะมีการระเบิดต่อไปยังลูกอื่นๆ ทำให้มีความร้อนและเปลวไฟลวกผิวหนัง และอันตรายถึงชีวิต
นพ.พรเทพ กล่าวว่า ลูกโป่งในประเทศไทยจะนิยมใช้ก๊าซ 2 แบบ คือ ก๊าซไฮโดรเจน และก๊าซฮีเลียม ผู้ที่ต้องการใช้ลูกโป่งสวรรค์ในงานต่างๆ ควรเลือกลูกโป่งสวรรค์ที่บรรจุด้วยก๊าซฮีเลียม ถึงแม้จะมีราคาแพงกว่าแต่ปลอดภัยกว่า เนื่องจากเป็นก๊าซเฉื่อย ไม่ติดไฟ ไม่มีปัญหาระเบิด และเกิดการรั่วซึมยาก แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้ก๊าซไฮโดรเจน ควรเพิ่มความระมัดระวังในการบรรจุและติดป้ายเตือนว่าห้ามนำเข้าใกล้ความร้อนหรือประกายไฟ และต้องไม่นำลูกโป่งที่บรรจุก๊าซไฮโดรเจนมารวมกันเป็นพวงใหญ่ จัดวางไว้ในที่ร่ม ห่างจากหลอดไฟ หรือประกายไฟต่างๆ
นอกจากนี้หากมีการนำถังก๊าซมาตั้งไว้บริเวณงาน ควรดูแลให้อยู่ในสภาพดี จัดวางในพื้นที่โล่ง อากาศระบายได้ดี หากถังก๊าซมีลักษณะแคบและสูง ต้องมีอุปกรณ์ป้องกันการล้มที่มั่นคง ก่อนเคลื่อนย้ายถังก๊าซต้องปิดฝาครอบวาล์วให้เรียบร้อย เคลื่อนย้ายโดยใช้รถเข็น ห้ามลากไปกับพื้นเพื่อป้องกันการเสียดสีและติดไฟ
“กรณีที่มีการประดับตกแต่งด้วยลูกโป่งสวรรค์ภายในงานต่างๆ จะต้องจัดวางไว้ให้พ้นจากมือเด็ก และหากลูกโป่งแตกควรเก็บเศษไปทิ้งถังขยะทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กๆ หยิบเศษลูกโป่งมาอม หรือกัดเล่น เพราะอาจลื่นเข้าไปในลำคอจนอุดทางเดินหายใจได้ ทั้งนี้ การนำลูกโป่งสวรรค์มาใช้ในงานต่างๆ หากมีการปล่อยขึ้นบนท้องฟ้า เมื่อก๊าซหมดลูกโป่งก็จะตกลงมากลายเป็นขยะ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบจากินเทอร์เน็ต