ลุยต่อกิจกรรมลดภาวะเด็กอ้วน
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ภาคีเครือข่าย ลงนามความร่วมมือ "การพัฒนาการส่งเสริมกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาวะเด็กปฐมวัย วัยเรียน วัยรุ่น และการจัดการปัญหาเด็กอ้วน"
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นพ.ชัยพร พรหมสิงห์ ประธานคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรมอนามัย พร้อมนายพะโยม ชิณวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ลงนามความร่วมมือ "การพัฒนาการส่งเสริมกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาวะเด็กปฐมวัย วัยเรียน วัยรุ่น และการจัดการปัญหาเด็กอ้วน"
นพ.กิตติ ลาภสมบัติศิริ ผู้อำนวยการกองออกกำลังกาย กรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์ภาวะอ้วนในเด็กวัยเรียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 12.5 ในปี 2558 เพิ่มเป็นร้อยละ 13.1 ในปี 2559 ขณะที่มีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอของเด็กไทยระหว่างปี 2555-2557 ในกลุ่มเด็กอายุ 6-14 ปี ร้อยละ 63.8 และกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี ร้อยละ 65.1 เท่านั้น ทั้งนี้ การลดปัญหาภาวะอ้วนและเพิ่มความสูงให้แก่เด็กวัยเรียน มี 3 ปัจจัย คือ 1.ออกกำลังกายที่เพียงพอ 2.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และ 3.นอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ
"รัฐบาลมีนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ กรมอนามัยจึงจัดโครงการ 'โชป้า แอนด์ ชายด์ป้า' เกม ลดเรียน เพิ่มรู้ สู่อาเซียน เพื่อเพิ่มกิจกรรมทางกายในเด็กวัยเรียน มี 3 รูปแบบ คือ 1.นวัตกรรมออกกำลังกายจิงโจ้ยืดตัว เพื่อช่วยเรื่องการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ช่วยเรื่องความอ่อนตัว และการยืดหยุ่นที่ดีของร่างกาย 2.นวัตกรรมออกกำลังกายจิงโจ้ FUN For FIT เน้นการออกกำลังกายที่มีการกระโดด หรือมีการลงน้ำหนัก เพื่อกระตุ้นการเพิ่มความสูงให้เด็ก และ 3.นวัตกรรมออกกำลังกายเก้าอี้…ขยี้พุง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทุกๆ ส่วนของร่างกาย นอกจากนี้จัดทำหลักสูตรพัฒนาบุคลากรทางสาธารณสุขและทางการศึกษา รวมถึงนักเรียน ให้เป็นโชป้าแอนด์ชายด์ป้าโค้ช 293 คน" นพ.กิตติกล่าว
นพ.กิตติ กล่าวว่า จากการนำร่องโครงการมาตั้งแต่ปี 2558 ในโรงเรียนกว่า 200 แห่ง ในกว่า 40 จังหวัด พบว่า นักเรียน 1,337 คน จาก 13 โรงเรียน ใน 6 จังหวัด ซึ่งมีทั้งเด็ก โชป้า คือ มีน้ำหนักตัวเกินหรือภาวะอ้วน และเด็กชายด์ป้า คือ เด็กสมส่วนและผอม มีกิจกรรมทางกายอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้น มีความสูงเพิ่มขึ้น น้ำหนักลดลง ร่างกายแข็งแรงขึ้น ยืดหยุ่นดีขึ้น ไขมันใต้ผิวหนังลดลง อาการภูมิแพ้และการเจ็บป่วยหลายอย่างดีขึ้น นอนหลับสนิทขึ้น มีสมาธิในการเรียนดีขึ้น ดังนั้นในปี 2560 จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมผลักดันโครงการให้ครอบคลุมโรงเรียนอย่างน้อย 7,700 แห่ง ครอบคลุมเด็กอย่างน้อย 770,000 คน