‘ลอยกระทงปลอดเหล้า-บุหรี่’ ปี 53

ขยายพื้นที่จัดงาน 4 ภาคทั่วไทย

 

 ‘ลอยกระทงปลอดเหล้า-บุหรี่’ ปี 53

 

          ลอยกระทงเป็นหนึ่งในประเพณีของไทยที่คนไทยให้ความสำคัญ แต่ที่ผ่านมาประเพณีอันดีงามกลับถูกแฝงไว้ด้วยงานรื่นเริงที่จะต้องมีเรื่องของสิ่งมึนเมาเข้ามาเกี่ยวข้องราวกับเป็นส่วนสำคัญหนึ่งที่ขาดไม่ได้

 

          “ปัจจุบันเทศกาลลอยกระทงเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยงทั้งในเรื่องของบุหรี่เหล้าเบียร์ อุบัติเหตุ รวมไปถึงการเล่นประทัด ดอกไม้ไฟ การปล่อยโคมลอยด้วยความคึกคะนอง และขาดการควบคุม จนถูกระบุว่า เป็นเทศกาลแห่งการเมา-เจ็บ-ตาย-เสียตัว ทำให้เด็ก เยาวชนคนรุ่นใหม่ ไม่เข้าใจคุณค่าความหมายที่แท้จริงของการจัดงานประเพณีที่ดีงาม ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์” นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างพิธีประกาศเจตนารมณ์ ในการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและลดปัจจัยเสี่ยง ในงานประเพณีลอยกระทงปลอดเหล้า-บุหรี่ ปี 2553

 

          การประกาศเจตนารมณ์ในครั้งนี้เป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่างกระทรวงสาธารณสุข, องค์กรอนามัยโลก, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า

 

          เจตนารมณ์ 5 ประการ ได้แก่ 1. ร่วมกันประกาศนโยบายจัดงานประเพณีลอยกระทงปลอดเหล้า-บุหรี่ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่ประชาชน 2. ไม่สนับสนุนให้บริษัทเหล้าเบียร์บุหรี่ โฆษณาสินค้าหรือทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการขายในพื้นที่จัดงาน 3. จัดพื้นที่ให้เป็นเขตปลอดเหล้า – บุหรี่ 4. ส่งเสริมกิจกรรมที่คงไว้ซึ่งคุณค่าทางวัฒนธรรม และ 5. ส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการและแนวทาง ในการปกป้องเด็กและเยาวชนให้พ้นจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทุกวิถีทางร่วมกัน

 

          “ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา สสส. ภาคีเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้สังคมเปลี่ยนค่านิยมในการจัดงานประเพณี ให้เป็น “พื้นที่ปลอดแอลกอฮอล์” พบว่า สามารถลดจำนวนครั้ง และความรุนแรงของอุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นในงานได้ โดยปี 2552 มีผู้เสียชีวิตในช่วงเทศกาลลดลงถึง 10% และประชาชนกว่า 95%พอใจให้การจัดงานเทศกาลลอยกระทงปลอดเหล้าปี 2553 จึงขยายพื้นที่จัดงาน “ลอยกระทง ปลอดเหล้า” ครอบคลุม 4 ภาค รวม 13 จังหวัด” ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ในฐานะที่ปรึกษาฯ สสส. ระบุ

 

          พื้นที่ที่ถูกจัดให้เป็นเขตลอยกระทงปลอดเหล้า ได้แก่

 

          1. ลอยประทีปวัดอรุณฯ รำลึกคุณเจ้าพระยา ไม่พึ่งพาแอลกอฮอล์ ที่ถนนวังเดิม และภายในวัดอรุณฯ กทม. วันที่ 20 – 21 พ.ย.

 

          2. ลอยกระทงสร้างสุข สุขใจ ปลอดภัย…ไร้แอลกอฮอล์ “วิถีแห่งสายน้ำ วัฒนธรรมบางลำพู” ที่สวนสาธารณะสันติชัยปราการ รอบถนนพระอาทิตย์ และพระสุเมรุ กทม. วันที่ 21 พ.ย.

 

          3. งานไหลกระทงคืนเพ็ญเดือนสิบสองร่วมอธิษฐาน น้อมใจถวายพระพร ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 และโรงเรียนนครนายกวิทยาคม จ.นครนายก วันที่ 20 – 21 พ.ย.

 

          4. ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟไร้แอลกอฮอล์ ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย วันที่  19 – 21 พ.ย.

 

          5. ประเพณีเดือนยี่เป็ง “ม่วนอก ม่วนใจ๋ปีใหม่เมือง” ที่สวนสาธารณะริมน้ำปิง ข้างจวนผู้ว่าฯ จ.เชียงใหม่ วันที่ 18 – 22 พ.ย.

 

‘ลอยกระทงปลอดเหล้า-บุหรี่’ ปี 53 

          6. ประเพณีลอยกระทงปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์ที่บริเวณสวนชมน่านจ.พิษณุโลก วันที่ 16 – 21 พ.ย.

 

          7. โครงการยี่เป็งลอยโคมที่กว๊านพะเยา ที่ศาลาหมื่นปี จ.พะเยา วันที่ 20 – 21 พ.ย.

 

          8.งานประเพณีลอยกระทง “ปลอดเหล้าเบียร์ และเบื่อประทัด” ที่เทศบาลเมืองน่าน วันที่ 19 – 21 พ.ย.

 

          9. รณรงค์งดเหล้า เฝ้าระวังงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวง ที่ริมแม่น้ำปิง จ.ตาก วันที่ 31 ต.ค. – 4 พ.ย.

 

          10. งานคืนสิบสองเพ็ญ เล่นโคมไฟ ไต้ประทีปและงานมหกรรมอาหารท้องถิ่น “อร่อยได้…ไร้แอลกอฮอล์” ที่ริมคลองสมถวิล (ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9) จ.มหาสารคาม วันที่ 17 – 21 พ.ย.

 

          11. มหกรรมอาหารปลอดภัย อร่อยได้ไร้แอลกอฮอล์ สืบสานงานประเพณีการแข่งเรือยาวลอยกระทง ที่สวนสาธารณะบุ้งน้อย – บุ้งใหญ่ริมแม่น้ำชี จ.ยโสธร วันที่ 17 – 21 พ.ย.

 

          12. ลอยกระทงปลอดเหล้า กลางลำน้ำสุขภาพ ที่สะพานคลองนอกท่า เทศบาลตำบลพรหมโลก จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 20 – 21 พ.ย.

 

          13.โครงการรณรงค์ปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์ ที่ริมฝั่งแม่น้ำวัดประสิทธิชัยรังสรรค์ (วัดท่าจีน) จ.ตรัง 17 – 21 พ.ย.

 

          ในส่วนของบุหรี่นั้น นพ.ชัย กฤติยาภิชาตกุล ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย  กล่าวว่า ปัจจุบันเยาวชนไทยกว่า 17 ล้านคนสูบบุหรี่และเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของอุตสาหกรรมยาสูบรวมทั้งคนไทย 65.6%  ยังคงสัมผัสควันบุหรี่ ในสถานที่สาธารณะต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้ออกกฎหมายที่ครอบคลุมแล้ว แต่การบังคับใช้กฎหมายน้อยมาก จึงจำเป็นที่ทุกภาคส่วนร่วมใจกันรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงปัญหาด้วย

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

Update : 15-11-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : กิตติภานันทร์ ลีจันทึก

Shares:
QR Code :
QR Code