ลด ละ เลิก “เผาป่า” ลดมลพิษ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ 9 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือจัดกิจกรรม “โครงการวันรณรงค์ ไม่เผาป่า ลดหมอกควัน” เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์การเกิดไฟป่าและหมอกควันในปี 2557 รวมทั้งเพื่อสร้างจิตสำนึกและกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนเกิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน

สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีวันที่8 มกราคม 2556 เห็นชอบมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด ปี 2556 ตามหลักการ “2p2r” จำนวน 8 มาตรการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำมาตรการไปปฏิบัติ และเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2556 คณะรัฐมนตรีได้เพิ่มมาตรการและกำหนดให้ “ไม่มีการเผาใน 100 วันอันตราย” (ระหว่างวันที่ 21 มกราคม 2556-30 เมษายน 2556) ในพื้นที่เป้าหมาย 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน และตาก

นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน พื้นที่ภาคเหนือมักประสบปัญหาหมอกควัน สาเหตุหลักเกิดจากการเผาในพื้นที่เกษตร การเผาวัชพืชริมทาง ไฟป่า และการเผาในชุมชน ก่อให้เกิดหมอกควัน ฝุ่นละออง เถ้า เขม่าควัน ประกอบกับลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกะทะและสภาพอากาศที่แห้งและนิ่ง ทำให้ฝุ่นละอองแขวนลอยอยู่ในบรรยากาศส่งผล กระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขอนามัยของประชาชน บดบังทัศนวิสัย และส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและในช่วงเวลาเดียวกันยังพบการเพิ่มขึ้นของจุดความร้อนในอนุภูมิภาคแม่โขงซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมลพิษหมอกควันข้ามแดน

จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ โดยสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษพบว่าในพื้นที่ภาคเหนือปี 2556 ปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน โดยมีค่าอยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐานค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ที่กำหนดไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก.ลบ.ม.) จำนวน 46 วัน ซึ่งเป็นระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย

โดยในช่วงวันที่ 21 เมษายน พบจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคในกลุ่มโรคระบาดทางเดินหายใจ โรคตาอับเสบ และผิวหนังอับเสบ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ น่าน ลำปาง และลำพูน จำนวน 3 แสนคน จากประชากรประมาณ 2.9 ล้านคน นอกจากนั้นยังมีผลกระทบต่อการขนส่งทางอากาศ มีการยกเลิกเที่ยวบิน จำนวน 158 เที่ยวบินในจังหวัดแม่ฮ่องสอน 

ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันเป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงได้มีนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจสูงสุดในการควบคุมสั่งการ และบัญชาการหน่วยงานในพื้นที่ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพรวดเร็วและมีการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

สำหรับในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ก็จะดำเนินการในอำนาจหน้าที่ในการจัดทำแนวกันไฟ จัดการเชื้อเพลิง เฝ้าระวังไม่ให้เกิดไฟป่า เตรียมพร้อมบุคลากร เครื่องมือ/อุปกรณ์ดับไฟป่า และเตรียมพร้อมในการสนับสนุนกับจังหวัด ในการออกปฏิบัติการ ในกรณีเกิดเหตุ ด้านกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จะมีบทบาทในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเผาเพื่อลดและควบคุมการเผาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ในส่วนของกรมควบคุมมลพิษ จะมีหน้าที่ติดตามตรวจสอบ ประมวลข้อมูลคุณภาพอากาศเพื่อรายงานและแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควันให้จังหวัดใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

นอกจากนี้ยังได้ประสานขอความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อการสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ด้วย ภายหลังเสร็จสิ้นภาระกิจการมอบนโยบายและพิธีการลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ “รวมพลัง 9 จังหวัด ลดไฟป่า ลดหมอกควัน” แล้วในภาคบ่ายยังได้มีการจัดงานวันรณรงค์ ไม่เผาป่า ลดหมอกควัน

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบอุปกรณ์ดับไฟป่าให้แก่ผู้แทนหมู่บ้านที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ มอบเตาเผาขยะชีวมวลไร้ควัน ซึ่งเป็นนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ลดมลพิษ ลดหมอกควันให้กับเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสม.) และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเพื่อใช้ในการกำจัดขยะในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หลังจากนั้นกลุ่มพลังมวลชนกว่า 2,000 คน ได้ร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณ ไม่เผาป่า และชมการสาธิตดับไฟป่าตามแผนระดมพลดับเพลิงด้วย

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code