ลงนาม MOU ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 10 เเห่ง สร้างนักสื่อสารเยาวชนเปลี่ยนเเปลงสุขภาวะชุมชน
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
สสส. จับมือ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า ลงนาม MOU สร้างนักสื่อสารเยาวชนเปลี่ยนแปลงสุขภาวะชุมชน 10 มหาวิทยาลัย ดัน นักศึกษา รู้ทันปัญหาสุขภาพ พัฒนาต่อยอดผ่านสื่อดิจิทัล แก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สู่สังคมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะยั่งยืน
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และมหาวิทยาลัยราชภัฎ 10 แห่ง จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง“การพัฒนาเครือข่ายนักสื่อสารเพื่อสร้างการเปลี่ยนสื่อสุขภาวะ” รูปแบบออนไลน์ สร้างเครือข่ายนวัตกรรมสื่อสารเปลี่ยนแปลงสุขภาพในชุมชน เพิ่มศักยภาพทางสังคมสู่การมีสุขภาวะที่ดี
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สภาพแวดล้อมทางสังคมมีส่วนทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงรอบตัว ซึ่งเด็กและเยาวชนคือกลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะอยู่ในช่วงวัยที่อยากรู้อยากลอง เสี่ยงต่อการเข้าไปยุ่งกับอบายมุข เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และสารเสพติด จึงเป็นที่มาของการพัฒนานวัตกรรมการสื่อสารลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาวะ ที่รณรงค์ผ่านเครือข่ายสังคมของชุมชนดิจิทัล มีเป้าหมาย ดังนี้ 1.พัฒนานวัตกรรมการสื่อสารและเพื่อการเปลี่ยนแปลงสุขภาวะชุมชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น ยูทูบ , ติ๊ก-ต็อก , คลิปวิดีโอ 2.พัฒนา “เครือข่ายนักสื่อสารเพื่อการเปลี่ยนแปลงสุขภาวะชุมชน” กับสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ และสมาคมเคเบิ้ลทีวีในพื้นที่ให้มีความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพ และ 3.พัฒนาองค์ความรู้ที่สนับสนุนการสื่อสารและเปลี่ยนแปลงสุขภาวะชุมชน
“สสส. ยินดีที่ได้ส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสุขภาวะในเด็ก เยาวชน และสังคม ซึ่งตรงกับแผนหลักในอีก 3 ปีข้างหน้าของ สสส. ที่จะบรรจุการสนับสนุนเรื่องใช้เทคโนโลยีและระบบดิจิทัลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ ที่จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพแนวใหม่ โดยมุ่งหวังว่านักศึกษาที่เข้าร่วมจะรู้เท่าทันปัญหาสุขภาวะ ตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมา และขับเคลื่อนให้เกิดสิ่งแวดล้อมเอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ปี 2560 สำนักงานสถิติแห่งชาติ พบนักดื่มหน้าใหม่อายุเฉลี่ยของผู้ที่ดื่มครั้งแรกเฉลี่ยอยู่ที่อายุ 20.3 ปี ผู้ชายจะดื่มไวกว่าผู้หญิงเล็กน้อย โดยผู้ชายจะดื่มครั้งแรกเฉลี่ยอยู่ที่อายุ 19.3 ปี และผู้หญิง 23.7 ปี ที่น่ากังวลคือ พบเยาวชนไทยเริ่มดื่มครั้งแรกตั้งแต่อายุไม่ถึง 15 ปีบริบูรณ์ สูงถึงร้อยละ 12.2 สะท้อนให้เห็นว่าแต่ละปีมีนักดื่มหน้าใหม่และผลกระทบเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนพฤติกรรมและค่านิยมมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้หลากหลายมาตรการควบคู่กัน การสื่อสารเป็นอีกมาตรการสร้างการรับรู้และความตระหนักได้
“การรับรู้ รับฟังเสียงจากผู้ได้รับผลกระทบจะทำให้เห็นความทุกข์ทรมาน รวมทั้งความสูญเสีย ที่ตามมาหลังการดื่ม แต่ส่วนใหญ่ธุรกิจเลือกที่จะไม่นำเสนอข้อเท็จจริง ทั้งที่การเปิดเผยเรื่องราวจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจะเป็นเครื่องยืนยันที่ดีที่สุด การสื่อสารให้เกิดความตระหนัก รู้ทันการตลาดธุรกิจแอลกอฮอล์ ปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ และการผลิตสื่อบนฐานข้อมูลจริง จะช่วยตีแผ่ให้สังคมได้ยินเสียงของผู้ได้รับผลกระทบจากอบายมุข เพื่อสร้างสังคมลด ละ เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ภก.สงกรานต์ กล่าว
ผศ.ดร.จุฑาทิพย์ พหลภาคย์ คณบดีคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ในฐานนะตัวแทนจากมหาวิทยาลัยราชภัฎทั้ง 10 แห่งที่เข้าร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง กล่าวว่า โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมทางสุขภาวะและการดำเนินชีวิต ทำให้โลกออนไลน์เป็นพื้นที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน สะท้อนว่าการรณรงค์แบบเดิมอาจจะมีพลังไม่เหมือนเดิม จำเป็นต้องติดตั้งความรอบรู้ทางด้านสุขภาพให้เป็น “ต้นทุน” กับบุคคลในสังคม โดยเฉพาะนักศึกษา และต้องช่วยเพิ่มศักยภาพด้านสุขภาวะต่อไป การลงนามในนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะทำให้องค์ความรู้ในการเปลี่ยนแปลงสุขภาวะชุมชน และทักษะสื่อสารรณรงค์ของนักนิเทศศาสตร์ถูกขยายออกไปในวงกว้าง ที่นำไปสู่การลดผลกระทบเชิงลบและขยายผลผลกระทบเชิงบวกด้านสุขภาวะอย่างยั่งยืน
นายธีรภัทร เอื้ออารีวรกุล กรรมการนโยบาย บริษัทไทยเคเบิลบรอดแคสติ้งจำกัด Cable Channel 37 HD กล่าวว่า องค์กรให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์สื่อเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม จากผลงานเครือข่าย 10 มหาวิทยาลัยราชภัฏ เป็นการสร้างสรรค์สื่อสะท้อนเป็นบทเรียนที่น่าชื่นชม ในนามทีวีดิจิทัลท้องถิ่นยินดีสนับสนุนบทบาทสื่อท้องถิ่นร่วมขับเคลื่อนประเด็นทางสังคม ช่วยเชื่อมโยงและขยายการทำงานของภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่ สานพลังเครือข่ายเคเบิลดิจิทัลทีวีสู่นักสื่อสารสุขภาวะลดปัจจัยเสี่ยง และสร้างพื้นที่การเผยแพร่สื่อรณรงค์และประเด็นลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคม โดยผลงานทุกชิ้นจะเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ Cable Channel 37 HD เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคมร่วมกัน
การดำเนินโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือจากเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฎทั้ง 10 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ มรภ.พระนคร, มรภ.หมู่บ้านจอมบึง, มรภ.เทพสตรี, มรภ.รำไพพรรณี, มรภ.สงขลา, มรภ.นครศรีธรรมราช, มรภ.เชียงใหม่, มรภ.พิบูลสงคราม, มรภ.ศรีสะเกษ, มรภ.อุดรธานี ทั้งนี้ ยังมีเครือข่ายเคเบิ้ลทีวีและสื่อในท้องถิ่น ใน 10 จังหวัดนำร่อง โดยการทำงานจะเน้นเรื่องการพัฒนากลไกความร่วมมือและนวัตกรรมในการสื่อสารบนโลกสมัยใหม่ เพื่อเป็นต้นแบบให้กับสถาบันการศึกษาทั่วประเทศได้ตระหนักและร่วมหาวิธีสื่อสารดูแลป้องกันไม่ให้ประชาชน โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชนที่เป็นนักศึกษาตกเป็นเหยื่อการตลาดของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และรู้เท่าทันประเด็นปัญหาทางด้านสุขภาพมากขึ้น