ร.10ทรงยกนพปฎลมหาเศวตฉัตร

ที่มา : เว็บไซต์ไทยโพสต์


ร.10ทรงยกนพปฎลมหาเศวตฉัตร thaihealth


ภาพประกอบจากเว็บไซต์ไทยโพสต์


          สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรตามโบราณราชประเพณี เป็นศรีสง่าพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ประชาชนรับเสด็จเนืองแน่น ทึ่งความวิจิตรพระเมรุมาศ ร.10 พระราชทานไฟหลวงอัญเชิญไปในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ณ พระเมรุมาศจำลองทั่วประเทศ รองนายกฯ ตรวจความพร้อมมหรสพสมโภชซ้อมเสมือนจริงเวทีสนามหลวง 21-22 ต.ค. ขณะที่ รพ.ตำรวจเตรียมหน่วยแพทย์ ฮ.ฉุกเฉิน รองรับงานพระราชพิธี


               เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม เวลา 17.09 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ถึงยังพระที่นั่งทรงธรรม พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง  เพื่อทรงยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ เนื่องในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี    เฝ้าฯ รับเสด็จด้วย


          โดยรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้าพระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร, พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศงานพระราชพิธีฯ, นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และคณะกรรมการ เฝ้าฯ รับเสด็จ


          การนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับพระราชอาสน์ที่หน้ามุขพระที่นั่งทรงธรรม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการฯ กราบบังคมทูลรายงานและเบิกกรรมการสร้างพระเมรุมาศ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ, นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รองประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร  กรรมการและเลขานุการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ,    นายธีรชาติ วีระยุทธานนท์ สถาปนิกผู้ออกแบบพระเมรุมาศ, นายก่อเกียรติ ทองผุด นายช่างศิลปกรรม ผู้ออกแบบพระเมรุมาศ และนายเจษฎา ชีวะวิชวาลกุล  วิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้าง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท


          จากนั้นเสด็จฯ ไปยังที่ประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมนพปฎลมหาเศวตฉัตร ต่อมานายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร  ถวายสายสูตรยกนพปฎลมหาเศวตฉัตร เวลา 17.17 น. โหรหลวงลั่นฆ้องชัย ชาวพนักงานประโคม สังข์ แตร และดุริยางค์ เวลา 17.19 น. นพปฎลมหาเศวตฉัตรขึ้นสู่ยอดพระเมรุมาศแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานสายสูตรคืน อธิบดีกรมศิลปากรรับไปผูกไว้ที่เสาบัว ก่อนเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพระที่นั่งทรงธรรมและพระเมรุมาศ ตามพระราชอัธยาศัย และเสด็จฯ กลับ


               พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธียกนพปฎลมหาเศวตฉัตรพระเมรุมาศสำหรับถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันนี้ นับตั้งแต่เสด็จสวรรคตเมื่อ 13 ต.ค.2559 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชานุญาตให้คณะรัฐบาลและประชาชนจัดพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพิจารณาเตรียมงานพระราชพิธี โดยกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ที่ปรึกษาพระราชพิธีฯ และแต่งตั้งคณะกรรมการอีก 8 คณะร่วมดำเนินการ ด้วยเดชะพระบารมี ส่งผลให้การดำเนินงานของคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำเร็จลุล่วงด้วยดี พร้อมประกอบพิธียกนพปฎลมหาเศวตฉัตร จึงขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญทรงประกอบพิธียกนพปฎลมหาเศวตฉัตรเพื่อความสมบูรณ์แห่งพระเมรุมาศตามโบราณราชประเพณี เป็นสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล และเป็นศรีสง่าแก่พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ


พระราชทานไฟหลวง 76 จว.


          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณถนนหน้าพระธาตุ  ถนนหน้าพระลาน มีประชาชนจำนวนมากสวมใส่ชุดดำไว้ทุกข์มาเฝ้ารอรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงติดตามเฝ้าชมพิธียกนพปฎลมหาเศวตฉัตรจนเสร็จพิธี เมื่อฉัตรประดับยอดพระเมรุมาศ ประชาชนต่างพากันยกมือขึ้นเหนือศีรษะ         


          ต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชทานพระราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรี และคณะ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทน เฝ้าฯ รับพระราชทานไฟหลวงไปในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ของประชาชน ณ พระเมรุมาศจำลอง


          ในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แทนรับไฟหลวงพระราชทานเพื่อเชิญไปมอบให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด และพระราชทานหีบเพลิงที่ประกอบด้วย ดอกไม้จันทน์ 1 ดอก   ไม้ขีด 1 กลัด เทียนชนวน 1 แท่ง ให้แก่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเชิญไปยังสถานกงสุลและประเทศต่างๆ ทั่วโลก และพระราชทานไฟหลวงให้แก่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อเชิญไปในพิธีถวายพระเพลิง ณ พระเมรุมาศจำลองรอบ 4 ทุ่งพระเมรุมาศ ประกอบด้วย สวนนาคราภิรมย์ หน้ากองสลากเก่า ลานคนเมือง และหน้าอนุสาวรีย์ปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพุทธ)


               เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน นายกรัฐมนตรีได้เชิญไฟหลวงซึ่งเป็นโคมตะเกียงจำนวน 76 โคม ไปมอบให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ที่ตั้งแถวรออยู่ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอกทำเนียบรัฐบาล) โดยผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดรับพระราชทานโคมตะเกียงเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเชิญไปในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศจำลองของแต่ละจังหวัด ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนร่วมถวายพระเพลิงอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งประเทศ


           นายสุธี นาคเมธี อายุ 63 ปี เดินทางมาพร้อมกับนางอัจฉรา นาคเมธี ภรรยา จากจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า มาถึงสนามหลวงเช้ามืดวันที่ 18 ต.ค. เพื่อร่วมวางพวงมาลัยถวายสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยความอาลัยอย่างสุดซึ้ง และเฝ้ารอจนถึงเวลา 17.00 น. เพื่อรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยกฉัตรขึ้นสู่ยอดพระเมรุมาศ ถือเป็นพิธีสำคัญ อยากร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ตนได้ชมพระเมรุมาศจากด้านนอก มีความงดงามสุดบรรยาย ดั่งเทวดาเนรมิต ทุกอย่างสมพระเกียรติ ยิ่งใกล้ช่วงพระราชพิธี รู้สึกไม่อยากให้วันที่ 26 ต.ค.มาถึง ตนและครอบครัวจะไปร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ณ พระเมรุมาศจำลองที่ จ.พิษณุโลก คงไม่ได้มามณฑลพิธีท้องสนามหลวง


ซ้อมมหรสพสมโภชเสมือนจริง


          ในวันเดียวกัน ที่โรงละครแห่งชาติ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม ได้มาตรวจเยี่ยมการซ้อมมหรสพสมโภชในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ซึ่งการแสดงมหรสพครั้งนี้ ใช้นักแสดงมากถึง 3,000 คน พบว่ามีความพร้อมมากกว่าร้อยละ 90 โดยนักแสดงและครูผู้ฝึกสอนทุกคนต่างตั้งใจที่จะแสดงถวาย นับเป็นมงคลแห่งชีวิตที่จะได้ทำการแสดงต่อหน้าพระที่นั่งในพระราชพิธีดังกล่าว โดยในวันที่ 21 ต.ค.นี้ จะมีการซ้อมยังเวทีมหรสพสนามหลวงทั้ง 3 เวที และทดลองระบบไฟระบบเสียงเพื่อดูความพร้อมของการแสดงทั้งหมด


          นายศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ผู้กำกับการแสดงละครเรื่องมโนราห์  กล่าวว่า เวทีที่ 2 มีการแสดงละคร หุ่นหลวง หุ่นกระบอก โดยละครเรื่องมโนราห์ ขณะนี้มีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 90 โดยใช้ผู้แสดงจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) จำนวน 121 คน เป็นคณาจารย์นักศึกษาคณะศิลปนาฏดุริยางค์และคณะศิลปศึกษา และวิทยาลัยนาฏศิลป ศาลายา การแสดงละครมโนราห์ในครั้งนี้ เป็นการผสมผสานละครนอกกับละครชาตรี ทำให้การแสดงมีสีสันและอัตลักษณ์  กระบวนท่ารำมีความวิจิตรงดงามเข้ากับทำนองเพลงไพเราะ ชมแล้วสนุกสนานเพลิดเพลิน


          “บทละครมโนราห์แม้มีการตัดต่อเพื่อให้ดำเนินเรื่องอย่างกระชับ เพราะมีเวลาแสดงรวมกับละครอิเหนา 2 ชั่วโมง ส่วนเครื่องแต่งกายจะแตกต่างจากละครในละครนอก โดยมีลักษณะพิเศษ ศิราภรณ์ก็สวยงาม ผู้แสดงสวมเทริดแทนการใส่ชฎา ขณะนี้เครื่องประกอบการแสดง ฉาก ของละครมโนราห์ อิเหนาและละครรำมหาชนกได้ขนย้ายเข้าพื้นที่จริงแล้ว โดยกำหนดฝึกซ้อมใหญ่วันที่ 21-22 ตุลาคม ตลอดการซ้อม ผู้แสดง ผู้ปฏิบัติงานทุกคนรวมพลังเพื่อให้การแสดงสมพระเกียรติถวายในหลวงรัชกาลที่ 9" นายศุภชัยกล่าว    


          ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มีการประชุมมอบนโยบายและข้อราชการของกระทรวงมหาดไทย (มท.) พร้อมซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง อาทิ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดฯ อธิบดีทุกกรม รวมถึงผู้บริหารรัฐวิสาหกิจในสังกัด และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เข้าร่วมในการประชุม


          พล.อ.อนุพงษ์ให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องจากวันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศได้เดินทางมารับไฟหลวงพระราชทาน จึงได้เรียกประชุม จะหารือเรื่องสำคัญที่ต้องปฏิบัติ เน้นย้ำและซักซ้อมความเข้าใจ เช่น พระราชพิธีในส่วนภูมิภาค จะดูเรื่องความพร้อมของสถานที่ การดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ที่ต้องสอดคล้องกับการปฏิบัติงาน การดำเนินการแก้ไขรับมือปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และเรื่องทั่วไปที่รัฐบาลได้เน้นย้ำมา เช่น เศรษฐกิจ การลดความเหลื่อมล้ำ เป็นต้น


เตรียมหน่วยแพทย์ ฮ.ฉุกเฉิน


          "มท.ได้มีการเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดแล้ว ทั้งในส่วนของซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ พระเมรุมาศจำลองทั่วประเทศ รวมถึงการดูแลเรื่องการจราจร ยืนยันว่าขณะนี้เรามีความพร้อมทุกอย่าง ส่วนเรื่องการป้องกันเหตุป่วนในช่วงงานพระราชพิธี ทางฝ่ายความมั่นคงมีแนวทางปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ปลัด มท.ได้สั่งการให้ติดตามด้านการข่าวอย่างต่อเนื่องให้ประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตา ดูแลความสงบเรียบร้อย และจะเน้นย้ำในที่ประชุมอีกครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่จัดงานพระราชพิธีจะต้องเน้นหนัก" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว


          ที่ ศปก.ตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. โฆษก ตร. เปิดเผยถึงการจัดการจราจรในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ประชาชนจะเดินทางเข้าร่วมพิธีในการถวายดอกไม้จันทน์และแสดงความอาลัย ว่าการปิดกั้นจราจรในระดับที่ 1 จำนวน 18 เส้นทาง ในวันที่ 23 ต.ค. เวลา 22.00 น. การปิดกั้นจราจรระดับที่ 2 จำนวน 27 เส้นทาง วันที่ 25 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 05.00 น. การปิดกั้นจราจรระดับที่ 3 จำนวน 42 เส้นทาง วันที่ 26 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป จนเสร็จสิ้นพระราชพิธี            


           ส่วนการเตรียมความพร้อมเรื่องการปฐมพยาบาลตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.59 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 369 วัน รพ.ตำรวจไปบริการประชาชน ขณะนี้ได้ย้ายมาที่ราชนาวีสโมสร อีกส่วนตั้งศูนย์บริการอยู่ที่ประตูวิเศษไชยศรี จากเดิมมีแพทย์ 2 นาย พยาบาล 6 คน ต่อจากนี้จะเพิ่มเป็นแพทย์ 6 คน พยาบาล 30 คน และรถศูนย์ส่งกลับอีก 2 คัน นอกจากนั้นจะเพิ่มพยาบาลอาสา จำนวน 700 คน ประกอบด้วย พยาบาลวิชาชีพ 400 คน, นักศึกษาพยาบาลและอาจารย์อีก 300 คน คอยให้ความช่วยเหลือประชาชนวันที่ 21 วันที่ 25-27 ต.ค.นี้


          ด้าน พล.ต.ท.วิฑูรย์ นิติวรากูร นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ กล่าวว่า นอกจากแพทย์เคลื่อนที่ รถพยาบาล จิตอาสา ยังมีแพทย์เฉพาะทาง 3 ส่วน มีแพทย์ฉุกเฉิน แพทย์ด้านหัวใจ และแพทย์ด้านสมอง จะเข้าไปอยู่ในริ้วขบวน นอกจากท้องสนามหลวงแล้วยังมีหน่วยแพทย์อีก 3 จุดคือ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เริ่มวันที่ 25-27 ต.ค. เป็นเต็นท์หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พยาบาล จิตอาสา อีกจุดที่สะพานพุทธ มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ จิตอาสา อีกจุดที่ไบเทคบางนา มีจิตอาสา หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ที่สำคัญการช่วยเหลือชีวิตประชาชนมีหน่วยบินเฮลิคอปเตอร์ ภายในมีเครื่องมือแพทย์ เตียง พร้อมเคลื่อนผู้ป่วยฉุกเฉินที่ไม่สามารถออกจากทางบกหรือทางน้ำ จำนวน 6 ลำ จากกองบินตำรวจท่าแร้ง ย่านรามอินทรา สามารถบินไปที่สนามหลวงได้ภายในเวลา 10-15 นาที อีกส่วนที่ รพ.ตำรวจเตรียมแผนไว้ 3 แผน ตามความรุนแรงของอาการมีแพทย์ 230 ท่าน พยาบาลอีก 900 ท่าน คอยสแตนด์บายรอ รพ.ตำรวจมีความพร้อมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ  


          "ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่จะเดินทางมาในวันงานพระราชพิธี จากอาการที่เป็นลมหน้ามืดเนื่องจากไม่ได้ทานอาหาร ดื่มน้ำน้อย ตากแดด จึงฝากดูแลตัวเองในส่วนนี้ ควรมีน้ำ ผ้าเย็น พัด มาด้วย ที่สำคัญคนที่มีโรคประจำตัวสุขภาพไม่ดี ไม่ควรที่จะเข้าไปเบียด เพราะการเข้า-ออกลำบาก การจะเข้าไปช่วยเหลือก็ลำบาก จึงฝากไว้ด้วยสำหรับคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมการแพทย์ กรมแพทย์ทหารบก โดยมีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นแม่งาน ทุก 20 เมตร จะมีพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เพื่อดูแลประชาชนปฐมพยาบาลเบื้องต้น" พล.ต.ท.วิฑูรย์ กล่าว         


          พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้จะได้ให้โปรแกรมเมอร์มาเขียนโปรแกรมเพื่อให้บริการประชาชนเกี่ยวกับที่จอดรถ จะได้ทราบว่าที่จอดรถแต่ละที่เหลือปริมาณเท่าไหร่ เพื่อประชาชนที่ขับรถมาจะได้รู้ว่าจะจอดรถด้านในหรือที่จอดรถด้านนอก รวมทั้งรถรับ-ส่งจะเริ่มเวลาไหนถึงเวลาไหน จะเป็นโปรแกรมแอปพลิเคชัน เป็นการรายงานสถานการณ์ 24 ชม.


 

Shares:
QR Code :
QR Code