ร้อยดวงใจ เพื่อพ่อของแผ่นดิน
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
เทศกาลออกพรรษากำลังจะมาถึงในสัปดาห์ข้างหน้า ใครที่ใจจดใจจ่ออยู่กับ การเกิดของ “บั้งไฟพญานาค” ก็คงเตรียมตัว เตรียมจองพื้นที่ ที่จะไปนั่งเฝ้าว่าปีนี้จะมีบั้งไฟขึ้นมากี่ลูก กี่ดวง
แต่สำหรับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. มองว่า เทศกาลเข้าพรรษา คือ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพ และ ซ่อมแซมสุขภาพที่ขาดไปให้กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม ด้วยการจัดแคมเปญเด็ดรณรงค์งดเหล้าของ สสส. ภายใต้ชื่อว่า “เข้าพรรษา ได้เวลาพักตับ” ซึ่งในปีนี้ ได้ร่วมมือกับภาคีองค์กรงดเหล้าทั่วประเทศ ด้วยการชวนให้นักดื่มหันมาห่วงใยสุขภาพ ตั้งใจหยุดเหล้าให้ครบตลอดทั้งพรรษา เพื่อให้ตับที่เป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายได้พักผ่อนบ้าง
สำหรับในช่วงโค้งสุดท้ายของการงดเหล้าเข้าพรรษา สสส. และภาคีเครือข่ายงดเหล้า ได้มีแนวคิดในการสร้างแรงจูงใจ ด้วยการชวนให้ประชาชนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งกำลังใจให้คนงดเหล้าครบพรรษาตลอดทั้ง 3 เดือน โดยการเย็บหัวใจและถ่ายภาพส่งมาที่เฟซบุ๊ค “ร้อยดวงใจสู่คนหัวใจหิน” อีกทั้งจะนำรายชื่อผู้ปฏิญาณตนงดเหล้า ทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป
ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวถึงการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาในช่วงโค้งสุดท้ายว่า จะเป็นการช่วยลดอัตราการงดเหล้าของคนไทยทั้งในช่วงเข้าพรรษา และหลังช่วงเข้าพรรษาได้มากขึ้น ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาพบว่า ในจำนวนที่ดื่มเหล้า 17 ล้านคนทั่วประเทศ มีผู้สนใจงดเหล้าเข้าพรรษา ร้อยละ 72 โดยในจำนวนนี้สามารถงดเหล้าได้ตลอดเทศกาลร้อยละ 32 ส่วนร้อยละ 24 สามารถงดเหล้าได้บางช่วง และร้อยละ 16 ลดการดื่มลง จากการรณรงค์ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาช่วยให้คนไทยประหยัดเงินได้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท และยังทำให้ครอบครัวมีความสุขได้มากขึ้นด้วย
ผอ.สำนักสนับสนุนควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก กล่าวด้วยว่านอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่าสาเหตุที่มีส่วนช่วยให้สามารถงดเหล้าได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งมาจากคนรอบข้างและคนในชุมชน และหากภายในชุมชนมีกิจกรรมรณรงค์เสริมสร้างกำลังใจที่ชัดเจนด้วยแล้ว ก็จะยิ่งส่งผลให้คนในชุมชนงดเหล้าตลอด 3 เดือนได้ถึง2 ใน 3 จึงเห็นว่าชุมชน สภาพแวดล้อม และเนื้อหารณรงค์นั้น มีส่วนสำคัญให้ผู้คนตระหนักถึงการงดเหล้าได้มากขึ้น ดังนั้นในช่วงก่อนออกพรรษาซึ่งเหลืออยู่อีกเพียงไม่กี่สัปดาห์ จึงอยากให้ผู้ร่วมกิจกรรมงดเหล้าให้ครบพรรษา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของตัวเราเอง
เภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เป็นอีกท่านหนึ่งที่ เล่าถึงการดำเนินงานในโครงการนี้ว่า ในปีนี้ทางเครือข่ายได้ขยายการทำงาน ร่วมกับนายอำเภอนักรณรงค์อีก 142 อำเภอ เพื่อจัดกิจกรรมยกย่องเชิดชูผู้ที่งดเหล้าได้ครบพรรษา นอกจากนี้ยังมีชุมชน 677 ชุมชน ที่มีการสร้างชุมชนคนสู้เหล้าเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไรก็ตาม บุคคลที่สามารถเลิกดื่มเหล้าถาวรได้ ต้องมี ความตั้งใจแน่วแน่ และสังคมต้องไม่ต่อว่าผู้ดื่มเหล้าว่าเป็นคนไม่ดี เพราะการยอมรับจากครอบครัว ชุมชน จะช่วยให้ผู้เลิกดื่มสุรารู้สึกมีคุณค่า และเชื่อมั่นว่าจะสามารถเลิกดื่มสุราได้
คุณจำรัส กลิ่นอุบล อายุ 54 ปี ผู้นำชุมชนลาดพร้าว 45 กรุงเทพฯ ได้บอกเล่าถึงประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเหล้าภายในชุมชนว่า ก่อนหน้านี้ชุมชนมีปัญหาแหล่งที่อยู่อาศัยมีสภาพแออัด เกิดแหล่งมั่วสุมสารเสพติด เยาวชนติดบุหรี่ และแอลกอฮอล์เมื่อตนเองได้มารับตำแหน่งผู้นำชุมชน การแก้ไขปัญหาในช่วงแรกค่อนข้างยาก จึงได้ประสานเครือข่ายจากหลายหน่วยงาน มาเป็นพี่เลี้ยงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ส่งผลให้เกิดการแก้ไขปัญหาภายในชุมชนที่เป็นระบบมากขึ้น จากนั้นจึงได้นำชุมชนเข้าร่วมโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาในปี 2557 โดยระยะแรกมุ่งไปที่ระดับเยาวชน ด้วยการชี้ให้เห็นถึงผลเสียของแอลกอฮอล์ ควบคู่ไปกับการร่วมกิจกรรมเลิกเหล้าภายในชุมชน เพื่อปลูกฝังพฤติกรรมที่ดี และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต
คุณจำรัส ย้ำให้ทุกคนที่รักสุขภาพของตัวเองและลูกหลานได้ทราบว่า ปีนี้ตนได้มีโอกาสเป็นผู้นำประกาศเจตนารมณ์ปฏิญาณตนงดเหล้าเข้าพรรษา ที่วัดไตรมิตร ในฐานะผู้นำที่เป็นแบบอย่างให้กับคนในชุมชน และเห็นว่าหากเราให้สัญญากับตัวเอง ถ้าผิดสัญญาก็ไม่มีใครรับรู้ แต่ถ้าเราประกาศเจตนารมณ์ให้ทุกคนรับรู้ ก็จะเป็นจุดสะท้อนในความเชื่อมั่นตัวเรา ซึ่งการประกาศก็เหมือนสัจจะ ว่าเราจะรักษาได้หรือไม่ เป็นการประกาศเจตนารมณ์ให้คนรู้ ทุกคนก็จะเกรงใจไม่กล้าชวนดื่มและสังสรรค์
“กำลังใจ” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนเลิกเหล้า จึงอยากชวนทุกคนมาตั้งปณิธาน เพื่อเป็นแรงจูงใจสู่ความสำเร็จ และแน่นอนว่าสิ่งที่จะได้รับอย่างแรก คือ การมีสุขภาพที่ดีขึ้น และการคืนความสุขของคนในครอบครัว