‘รู้ทัน กันหักซ้ำ’ ปกป้องกระดูกตะโพกผู้สูงอายุ
ที่มา: เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 50 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงเกิดโรคกระดูกพรุนได้สูง พบในเพศหญิงร้อยละ 33 เพศชายร้อยละ 20 และจากสถานการณ์ระดับโลกรวมถึงประเทศไทยที่ได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ภาวะกระดูกตะโพกหักหรือ Hip fracture จากภาวะกระดูกพรุนจะมีอุบัติการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเงาตามตัวและจะเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งภายในระยะเวลาไม่กี่ปีข้างหน้า
สอดคล้องกับการศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เกี่ยวกับBurden of osteoporosis in Thailand ในปี พ.ศ. 2542 พบว่าอุบัติการณ์การเกิดกระดูกตะโพกหักในผู้สูงอายุคนไทยจะสูงขึ้นจากปีละ 180 รายต่อแสนประชากร ผู้สูงวัยเป็น 450-750 รายต่อแสนประชากรผู้สูงวัยภายในปี พ.ศ. 2568
จัดเป็นปัญหาทางสาธารณสุขขนาดใหญ่และยังมีการศึกษาจากต่างประเทศพบว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้กว่า 20% จะเสียชีวิตภายใน 1 ปี, 40% จะไม่สามารถเดินด้วยตัวเองได้และมากถึง 80% ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเอง
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยโรงพยาบาลเลิดสิน จึงได้ร่วมมือกับบริษัท แอมเจน (ประเทศไทย)จำกัด จัดทำโครงการ "รู้ทัน…กันหักซ้ำ" สนับสนุนจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ ในการขับเคลื่อนโครงการให้เป็นรูปธรรม เพื่อพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้ดียิ่งขึ้น ตามนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศให้โครงการ "รู้ทัน…กันหักซ้ำ" เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ 2560
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ข้อตกลงความร่วมมือขององค์กรที่เกี่ยวข้อง ในการทำงานร่วมกันเป็นไปตามนโยบายที่กระทรวงฯ ได้ออกประกาศให้โครงการ "รู้ทัน…กันหักซ้ำ" เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ 2560 ให้ดำเนินไปตามแผนงานเพื่อตอบสนองแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของสังคมและประชากรตลอดจนความต้องการด้านสุขภาพของประเทศได้ทันท่วงที ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือและความเข้าใจระหว่างกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยโรงพยาบาลเลิดสิน และบริษัท แอมเจน (ประเทศไทย) จำกัด ครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ทีมงาน "รู้ทัน…กันหักซ้ำ" ให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องไปกับแนวทางของ Fracture Liaison Services (FLS) ซึ่งเป็นระบบการบริหารรูปแบบหนึ่งเพื่อขจัดปัญหาช่องว่างของการดูแลผู้ป่วย (care gap) และการจัดตั้งเครือข่าย การพัฒนาบุคลากรด้านสารสนเทศ และผู้เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาล ทั่วไป เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "รู้ทัน…กันหักซ้ำ" ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน
จากสถิติของการเกิดกระดูกหักซ้ำใน ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน พบว่าจะมีกระดูกตะโพกหัก ซ้ำอีกข้างได้ร้อยละ 10 และกระดูกส่วนอื่น ๆ หักตามมาได้ร้อยละ 12.20 ดังนั้นหากสามารถลดการเกิดกระดูกหักซ้ำลงได้ร้อยละ 25-50 หมายถึง การลดกระดูกตะโพกหักซ้ำ ให้เหลือร้อยละ 5 และกระดูกหักในส่วนอื่น ๆ ให้เหลือร้อยละ 6-10 จะพบความแตกต่างของจำนวน ผู้ป่วยสะสมในระยะที่ผ่านไปอย่างเห็นได้ชัด
นพ.สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการ "รู้ทัน…กันหักซ้ำ" กล่าวว่า โครงการรณรงค์ฯ ในครั้งนี้ นอกจากหน่วยงานแพทย์และสาธารณสุขแล้ว ยังต้องได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันให้ความรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการป้องกันเพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน ซึ่งสถิติผู้ป่วยโรคนี้เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ประมาณร้อยละ50 ของผู้ที่กระดูกหักหนึ่งจุดอันเนื่องมาจากกระดูกพรุน ก็จะมีโอกาสเกิดภาวะกระดูกหักซ้ำเพิ่มได้อีกในบริเวณอื่น ๆ โดยกระดูกบริเวณที่พบว่ามีโอกาสหักได้บ่อยได้แก่ กระดูกตะโพก กระดูกหลัง กระดูกข้อมือ และผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนเนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีส่วนช่วยในการสร้างกระดูกจะลดต่ำลงมาก จึงทำให้เกิดภาวะสลายเซลล์กระดูกมีมากกว่าการสร้างเซลล์กระดูก
สำหรับแนวทางการรักษาภาวะกระดูกหักซ้ำประกอบด้วย การผ่าตัดรักษากระดูกตะโพกหัก แบบ Fast Track Surgery (ผ่าตัดไว) เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มอัตราการฟื้นตัวที่ดียิ่งขึ้น การเข้าถึงการประเมินและการรักษาภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis treatment) ที่ถูกต้องและเหมาะสม การประเมินความเสี่ยงต่อภาวะหกล้ม ผู้ป่วยและผู้ดูแลสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ การฟื้นฟูและบริหารร่างกายที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการล้มซ้ำ และเพื่อการฟื้นฟูสมรรถนะหลังการผ่าตัดให้ดียิ่งขึ้น ผู้ป่วยและผู้ดูแลสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่สำคัญด้านอื่น ๆ การขยายขอบเขตการดูแลไปยัง Primary health care ในชุมชน มีการส่งต่อการดูแลไปยังชุมชนเพื่อการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน.