ที่มา: เดลินิวส์

แฟ้มภาพ

          ยังไม่ทันเข้าเมษายนเลยสภาพอากาศตอนนี้ร้อนจนขนลุก นอกจากความเหนียวเหนอะหนะไม่สบายตัวแล้ว โรคที่มากับหน้าร้อนที่ต้องระมัดระวัง "ลมแดด" หรือ "ฮีทสโตรก" ที่อาจจะทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ เพราะอุณหภูมิในร่างกายพุ่งสูงถึง 40 องศาเซลเซียส

          ซึ่งล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขออกมาเปิดเผยตัวเลขว่า มีคนไข้เข้ารักษาใน รพ.เฉลี่ยสูงถึงปีละ 3,500 คน และจากข้อมูลเฝ้าระวังการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตเนื่องจากภาวะอากาศร้อน ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระหว่างเดือน มี.ค.-พ.ค. ในปี 2561  พบผู้เสียชีวิต18 ราย ส่วนใหญ่ร้อยละ 30 มีอาชีพรับจ้าง ร้อยละ 15 เป็นเกษตรกร โดยมีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ร้อยละ 27.8 มีพฤติกรรมเสี่ยงคือการดื่มสุราเป็นประจำร้อยละ 27.7 และเสียชีวิตสูงสุดในเดือนเมษายน

          ทั้งนี้ คนเสี่ยงคือผู้ที่ทำงานหรือกิจกรรมกลางแดด คนอ้วน เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ รวมถึง ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว คนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ และคนที่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในปริมาณมาก และเมื่อภาวะดังกล่าวมาเยือน จะทำให้ กระหายน้ำ มีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ไม่มีเหงื่อออก ตัวร้อนจัด ปวดศีรษะ อาจจะมีตะคริว เดินเซ ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตลดลง และอาจเสียชีวิตได้ทันที

          หากเจอผู้ป่วย ต้องรีบให้ การปฐมพยาบาล โดยหลักเบื้องต้นคือ รีบนำผู้ป่วยเข้าในที่ร่ม ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ให้ดื่มน้ำเย็น ให้นอนราบ ยกเท้าขึ้นสูง ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามหน้าผาก ซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ ร่วมกับใช้พัดลมเป่าช่วยระบายความร้อน เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลงโดยเร็วที่สุด ถ้าอาการรุนแรง หมดสติ ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที หรือโทรฯ สายด่วน 1669

          อย่างไรก็ตาม การป้องกันตัวเองดีที่สุด โดยการ เลี่ยงออกกำลังกายหรือทำงานกลางแดดจัด เป็นเวลานาน ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 8-10 แก้ว ไม่ปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำจนรู้สึกกระหายหรือริมฝีปากแห้ง สวมเสื้อผ้าเหมาะสมกับสภาพอากาศและระบายเหงื่อได้ดี สวมแว่นกันแดด กางร่ม ทาโลชั่นกันแดด SPF 15 ขึ้นไป ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงที่อากาศร้อน ดูแลเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ป่วยเรื้อรังอย่างใกล้ชิด