รามาฯ ชูเทคโนโลยีใหม่ แก้ปัญหา “พบหมอรอนาน”
เร่งพัฒนาระบบ ฮอตโอเอ็กซ์ – ฮอตเอ็กซ์พี
ดูเหมือนว่า “โรงพยาบาล” จะเป็นที่พึ่งพิงหลักยามเจ็บไข้ได้ป่วย ที่ไม่ว่าผู้ป่วยจะอยู่แห่งหนตำบลใด ก็ต่างมุ่งหน้าเดินทางมายังโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว… แต่! เชื่อหรือไม่ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันในการมารอพบหมอที่โรงพยาบาล เพราะต้องนั่งรอหมอนานกว่า 2 ชั่วโมง ซ้ำร้ายยังต้องมานั่งรอรับยานาน ๆ อีกด้วย ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการเบื่อหมอ!
รอแล้ว รออีก รอแล้ว รออีก..ทำอย่างไรปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่ยอมหมดไปจากสังคมไทยสักที…
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็ย่อมมีทางแก้เสมอ.. ทำให้หน่วยงานอย่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. ไม่อาจนิ่งนอนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ จึงร่วมมือกับ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เครือข่ายคนไร้พุง และชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยี จัดงานเสวนา ในหัวข้อ “พบหมอไม่ต้องรอนาน ย้ายโรงพยาบาลไม่ปวดหัว” เพื่อหารูปแบบวีธีการพัฒนาระบบมาตรฐานสารสนเทศทางการแพทย์และยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นพ.ฆนัท ครุธกูล ผู้จัดการศูนย์หัวใจ หลอดเลือด และเมทาบอลิซึม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีและกรรมการเครือข่ายคนไร้พุง เล่าให้ฟังว่า ปัญหาการรอพบแพทย์นาน ถือเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้ผู้ป่วย เกิดอาการเบื่อแพทย์ เบื่อโรงพยาบาล เพราะทำให้ผู้ป่วยต้องเสียเวลาเกือบทั้งวัน แต่ในปัจจุบันองค์กรทางการแพทย์ได้ทีการคิดค้นและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อช่วยให้สืบค้นหาข้อมูลของผู้ป่วยได้อย่างสะดวกรวดเร็วไม่เสียเวลาในการค้นหาประวัติผู้ป่วย ยังสามารถเติมข้อมูลเข้าไปได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว รวมทั้งสามารถติดตามโรคต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
“แนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าวนั้นทำได้ 2 วิธี คือ 1.การส่งเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคของผู้ป่วยที่เป็นการลดปัญหาอาการเจ็บป่วย นำไปสู่ปัญหาการพบแพทย์ ที่จะเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย 2.การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทางการแพทย์เข้ามาช่วยในการทำประวัติและการนัดหมาย ที่จะสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องหาแฟ้มประวัติผู้ป่วย และสามารถเติมข้อมูลเข้าไปให้ถูกต้อง” นพ.ฆนัท เล่า
ในขณะเดียวกัน ดร. ปานใจ ธารทัศนวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงศึกษาธิการ ก็ได้จัดทำการศึกษา พร้อมวิเคราะห์การใช้โปรแกรม ฮอตโอเอ็กซ์ และ ฮอตเอ็กซ์พี โดยใช้มาตรฐาน hl7 เวอร์ชั่น 3.0 เพราะข้อมูลที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก โดย โปรแกรมนี้ยังสามารถช่วยค้นประวัติผู้ป่วย รวมทั้งยังสามารถรู้สถิติสารสนเทศได้อย่างรวดเร็ว
“ระบบดังกล่าว ได้มีการทดลองโดยการจำลองโรงพยาบาลต้นแบบขึ้นมา 2 แห่ง ซึ่งมีข้อมูลผู้ป่วย 20 ราย ผลปรากฏว่า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถส่งข้อมูลของผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลหนึ่งไปยังอีกโรงพยาบาลหนึ่งในเวลาที่รวดเร็ว อีกทั้งไม่จำเป็นต้องเข้าไปแก้ไขในระบบซอฟต์แวร์ของทั้ง 2 โรงพยาบาล โดยข้อมูลส่วนนี้ยังสามารถปรับใช้ให้เข้ากับระบบประกันสังคมและระบบหลัก ประกันสุขภาพอีกด้วย อย่างไรก็ดี ระบบนี้คงต้องมีการพัฒนาและต่อยอดให้เข้ากับระบบโรงพยาบาลในอนาคต และอยู่ระหว่างการการศึกษาขั้นตอน เพื่อพัฒนาไปสู่การใช้งานได้จริง” ดร.ปานใจ เล่าถึงการทดลอง
ด้าน นายไกลก้อง ไวยกร รองผู้จัดการแผนงานไอซีทีเพื่อสุขภาวะออนไลน์และสนับสนุนภาคีเครือข่าย ตัวแทนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้นำเสนอการใช้ระบบเอสเอ็มเอส (sms) ซึ่งมีการนำร่องที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อนำระบบมาปรับใช้ทางการแพทย์ อาทิ การให้ความรู้ผ่านระบบเอสเอ็มเอส แจ้งผลการตรวจในการเฝ้าระวังโรคเรื้อรัง โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องไปพบแพทย์เอง ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย โดยที่ผู้ป่วยอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล และยังสามารถนำระบบเอสเอ็มเอสมาใช้เชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก
เห็นหลายหน่วยงานออกมาร่วมมือกันอย่างนี้แล้ว หัวใจคนป่วยที่ต้องไปโรงพยาลแล้วต้องอดใจรอหมอนานๆ อย่างเราๆ ก็ชุ่มฉ่ำและมีความหวังขึ้นมาทันที
และที่สำคัญอดใจรออีกไม่นาน…เพราะโปรแกรมสุดเจ๋งอย่าง ฮอตโอเอ็กซ์ และ ฮอตเอ็กซ์พี จะถูกนำไปทดลองใช้อย่างเต็มรูปแบบที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อให้เป็นโรงพยาบาลต้นแบบในการนำร่องใช้ระบบดังกล่าว…ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยได้มากน้อยยแค่ไหน สามารถทำให้ผู้ป่วยไปหาหมอแล้วไม่ต้องรอพบแพทย์นานได้หรือเปล่า ด้านคุณหมอทั้งหลายก็คงหมดได้ห่วงเช่นกันที่ไม่ต้องถูกคนไข้ยี้!!! เพราะรอนานอีกต่อไป…
บรรยากาศภายในงาน
เรื่องโดย : สิริสา รับรองฤทธิ์อนันต์ team content www.thaihealth.or.th
update: 17-11-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : สิริสา รับรองฤทธิ์อนันต์